TRUE โจทย์ใหญ่..เจ้าสัวน้อย.!?

ผ่านไปเกือบเดือนที่คณะกรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติรับทราบการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC

มาจนถึงวันนี้ TRUE-DTAC เงียบกริบ.! ทั้งเรื่องเงื่อนไขก่อนควบกิจการและหลังควบกิจการจะเอาอย่างไร.!? “ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก” ใด ๆ ออกมาเลย

ระหว่างที่รอเรื่องควบกิจการ TRUE ประกาศงบไตรมาส 3/65 ออกมา..มันยิ่งตอกย้ำเป็นไฟต์บังคับว่า TRUE ต้องรีบร่วมเรียงเคียงหมอนกับ DTAC ให้เร็วที่สุด..!!

ด้วยเหตุไตรมาส 3/65 TRUE มีผลขาดทุนสุทธิบักโกรกกว่า 2,757 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิเรื้อรังต่อเนื่องจากไตรมาส 2/65 ทำให้ตัวเลข 9 เดือนขาดทุนสุทธิกว่า 5,135 ล้านบาท (จาก 9 เดือนปีก่อนขาดทุนสุทธิ 1,482 ล้านบาท)

ฝ่าย TRUE ให้เหตุผลผ่านคำอธิบายงบ Q3 ว่าด้วยค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการขยายโครงข่ายและการให้บริการ, ใบอนุญาตการใช้งานคลื่นความถี่, และดอกเบี้ยจ่าย รวมถึงผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 366 ล้านบาท เป็นเหตุให้ TRUE ต้องเผชิญตัวเลขขาดทุนสุทธิดังกล่าว

ไฮไลท์อยู่ตรงตัวเลขดอกเบี้ยจ่ายฯ เฉลี่ยตกไตรมาสละ 4,100-4,200 ล้านบาท เรียกว่าปี ๆ หนึ่งเจอภาระดอกเบี้ยจ่ายกว่า 16,000 ล้านบาท ทำให้ Current ratio อยู่ที่ 0.57 เท่า ขณะที่ D/E ratio อยู่ที่ 7.3 เท่า

จากตัวเลขตรงนี้โอกาสจะได้เห็น TRUE มีกำไรมันช่างริบหรี่ซะจริง ๆ

นี่จึงเป็น “โจทย์ใหญ่” ของ “เจ้าสัวน้อย” (ศุภชัย เจียรวนนท์) นายใหญ่ค่าย TRUE ต้องเร่งกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้พ้นสภาพ “บริษัทไร้กำไร” ที่สำคัญต้องเร่งสร้างศักยภาพการแข่งขันเพื่อสู้กับ “ยักษ์เขียว” ให้ได้..!!

การควบรวมกิจการ TRUE-DTAC จึงเป็นความจำเป็นยิ่งยวดในยามวิกฤตินี้ เพราะนั่นหมายถึงจะช่วยให้ TRUE ทลายกำแพง “เพดานเงินกู้” ที่ทำทรูมีสภาพเสมือน “หนูติดจั่น” อยู่ขณะนี้..

น่าจับตานับจากนี้ “เจ้าสัวน้อย” จะเดินหมากต่ออย่างไร..โดยเฉพาะเงื่อนไขที่ต้องทำก่อนควบกิจการว่าจะออกมาเป็นเช่นไร..และเงื่อนไขหลังควบรวมจะทำตามกสทช.ได้มากน้อยเพียงใดหรือไม่

อีกเงื่อนไขความเสี่ยงหนีไม่พ้นเรื่องคดีที่ศาลปกครอง หลังจากศาลรับคำร้อง “ขอเพิกถอนมติที่กสทช.รับทราบการควบรวม TRUE-DTAC” ของสภาองค์กรของผู้บริโภค ที่ไม่รู้ว่าจะ “ออกหัว..ออกก้อย” อย่างไร..

เอาแค่ว่า..หากศาลปกครอง มีคำสั่ง “คุ้มครองชั่วคราว” ขั้นตอนควบรวมจะเลื่อนไปอีกนานแค่ไหน..มันจึงเป็นความเสี่ยงที่ต้องเผชิญอย่างหลีกไม่ได้ เชื่อว่าเรื่องนี้ผู้ถือหุ้น (ใหญ่) ทั้ง 2 บริษัทคงต้องเฝ้าลุ้นกันอย่างใจจดใจจ่อต่อไป

หากดีลควบรวมเกิดความล่าช้ามากเท่าไหร่…กำลังวังชาที่ TRUE จะไปสู้กับ “ยักษ์เขียว” ก็ยิ่งอ่อนแรงลงไปเรื่อย ๆ และเมื่อถึงวันนี้ “อย่าว่าแต่สู้” เลย..แค่ยืนอยู่ให้ไหวก็ยากแล้ว..!?