SPCG มั่นใจกำไรปีนี้นิวไฮ-เตรียมออกหุ้นกู้ 1.25 หมื่นลบ.กลางเดือน ธ.ค.นี้
SPCG มั่นใจกำไรปีนี้นิวไฮ-เตรียมออกหุ้นกู้ 1.25 หมื่นลบ.กลางเดือน ธ.ค.นี้
นางสาวธนาพร รัตนมณีรุ่งแสง ผู้อำนวยการสำนักงานกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจกำไรปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปีก่อนที่ 1.65 พันล้านบาท ซึ่งเป็นตามการเติบโตของรายได้ในปีนี้ที่มั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แตะ 5 พันล้านบาท เนื่องจากสามารถรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในโครงการโซลาร์ฟาร์มได้ทั้งหมด 260 เมกะวัตต์ในปีนี้เต็มปี อีกทั้งในปีนี้ค่าใช้ของบริษัทมีการปรับลดลงส่งผลให้กำไรมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับแผนงานในปี 59 บริษัทจะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหารช่วงกลางเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ เพื่ออนุมัติแผนการดำเนินงาน และจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหลัง
ส่วนการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำกำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ ที่เมืองมัณฑะเลย์ของเมียนมาร์นั้น บริษัทได้เลื่อนระยะเวลาการสรุปแผนการลงทุนออกไปเป็นปี 59 จากเดิมที่คาดว่าจะสรุปได้ภายในปลายปีนี้ เนื่องจากต้องการรอความชัดเจนของผลการเลือกตั้งของเมียนมาร์ก่อนตัดสินใจลงทุน
ด้านโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Tottori Yanago Project ที่ประเทศญี่ปุ่น เฟสแรกกำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ โดยมีระยะเวลาสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเป็นเวลา 20 ปี คาดว่าจะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 59 และมีรายได้เข้ามาประมาณปลายปี ส่วนเฟสที่ 2 และ 3 กำลังการผลิตรวม 100 เมกะวัตต์ คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปีถึงปลายปีหน้า และจะสามารถ COD ได้ในปี 60
นอกจากนี้บริษัทได้ยื่นการแสดงความสนใจโครงการโซลาร์ฟาร์มของหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตรไปราว 50 เมกะวัตต์ และคาดหวังว่าจะได้ราว 30 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 50 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์
อนึ่ง โครงการดังกล่าว กกพ.ได้ออกประกาศและหลักเกณฑ์การรับซื้อไฟฟ้าโครงโซลาร์ฟาร์มของหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร พ.ศ.2558 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 17 ก.ย.58 โดยการรับซื้อไฟฟ้าดังกล่าวมีปริมาณรวมไม่เกิน 800 เมกะวัตต์ (MW) แบ่งการรับซื้อเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกออกประกาศรับซื้อสำหรับพื้นที่ ที่มีความพร้อมด้านระบบสายส่งไฟฟ้าก่อน โดยมีเป้าหมายรับซื้อจำนวน 600 เมกะวัตต์ มีกำหนดการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) ไม่เกินวันที่ 30 ก.ย. 59
ขณะที่โรงงานผลิตแผงโซลาร์เซล ในจังหวัดนครศรีธรรมราช คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ในช่วงต้น 59 ซึ่งจะใช้เงินลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท โดยเฟสแรกจะรองรับกำลังการผลิตประมาณ 100 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างออกแบบให้ได้มาตรฐาน
นางสาวธนาพร กล่าวว่า บริษัทยังคงแผนปี 61 มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 500 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการโซลาร์ฟาร์มในไทย 260 เมกะวัตต์ โซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่นกำลังการผลิต 130 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในพม่ากำลังกลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ อีกทั้งบริษัทได้ตั้งเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟในปี 59 จำนวน 20 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 4.6 เมะวัตต์ ซี่งในปี 59 บริษัทจะเน้นธุรกิจโซลาร์รูฟมากขึ้น เนื่องจากเป็นุรกิจที่ให้มาร์จิ้นสูง
ขณะเดียวกันกลางเดือน ธ.ค.นี้บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้มูลค่า 1.25 หมื่นล้านบาท อายุ 8 ปี มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการคืนเงินกู้ทั้งหมดและส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน