ธุรกิจ “ทีวีดิจิตอล”นำบริษัทถึงฝั่งฝันหรือไม่?

“ทีวีดิจิตอล” กับความหวังของบรรดานายทุนต่างๆ ที่มีความฝันและพร้อมขายฝัน เพราะทุกคนเล็งเห็นเป็นธุรกิจโตง่ายรวยไว พูดง่ายๆ ว่าเป็นธุรกิจรวยทางลัดนั่นเอง แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างฝัน เพราะดูเหมือนว่าสถานการณ์ไม่สวยหรูอย่างที่หลายฝ่ายคิด สถานการณ์กลับพลิกผัน อยู่ช่วงคาบลูกคาบดอก แล้วงานนี้จะพาบริษัทที่ลงทุนในทีวีดิจิตอลไปถึงฝั่งฝันหรือไม่?

ทำไม่กล่าวเช่นกัน เพราะหลังจากผ่านมา 1 ปี พบว่า ธุรกิจทีวีดิจิตอลทำให้มีผู้ประกอบการรายหนึ่งยอมเสียหน้า ประกาศเลิกทำทีวีดิจิตอลไทย หลังประสบปัญหาโครงข่ายที่ยังไม่ครอบคลุม, การแจกคูปองแลกกล่องมีปัญหา, เรตติ้งยังไม่มีหรือไม่น่าเชื่อถือบ้าง ฯลฯ จึงตัดสินใจคืนใบอนุญาตกลับไปสู่จุดเดิม แท้จริงแล้วเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่? หรือเป็นเพียงการแก้ต่างเท่านั้น?

ถึงวันนี้แล้ว สภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น กับบริษัทที่ทำทีวิดิจิตอล ถือว่ายังเข้าตาจน เนื่องจากยังมีหลายๆ ช่องที่ยืนอยู่บนปากเหว เพียงแค่ใครจะกัดฟันฮึดสู้ได้มาราธอนกว่ากัน ใครมีเงินหมุนเวียนมากก็รอด

จึงข้อสำรวจข้อมูลผลประกอบการของบริษัทที่ดำเนินการทีวีดิจิตอลว่ายังมีพื้นฐานระดับไหนกับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันเป็นอย่างไร

 

– บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 58 มีกำไรสุทธิ 58.54 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.14 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 126.11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 25.89 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.07 บาทต่อหุ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 155.76 ล้านบาท หรือ 0.38 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 34.85 ล้านบาท หรือ 0.09 บาทต่อหุ้น

ผลการดำเนินในไตรมาส 3 กำไรเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากรายได้จากการจัดคอนเสิร์ตและละครเวทีเพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนลดลง เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนค่าเช่าเวลาออกอากาศลดลงตามจำนวนรายการของบริษัทที่ออกอากาศในสถานีโทรทัศน์อื่นลดลง ขณะที่ธุรกิจทีวีดิจิตอล“ช่อง 1 WORKPOINT” บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น

 

– บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 58 มีผลขาดทุนสุทธิ 119.22 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.15 บาทต่อหุ้น ขาดทุนลดลง 27.32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 164.01 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.26 บาทต่อหุ้น ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 143.05 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.17 บาทต่อหุ้น  เพิ่มขึ้น 107.66% จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 1,868.66 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 2.94 บาทต่อหุ้น

ผลการดำเนินในไตรมาส 3 ที่ขาดทุนลดลงจากธุรกิจเพลงพลิกฟื้นกลับมาเติบโต ร่วมกับธุรกิจโฮมช้อปปิ้งผ่านจุดคุ้มทุน ส่วนรายได้สื่อโฆษณายังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร แต่ธุรกิจทีวีดิจิตอลที่ยังประสบภาวะขาดทุนในช่วงเริ่มต้นของการลงทุน โดยธุรกิจทีวีดิจิตอลช่องวัน ประกอบด้วยช่องวันทีวีดิจิตอล และส่วนงานย่อยที่สนับสนุน การผลิต การขาย และการตลาดให้แก่ช่องเอ็กแซกท์ แอ็กซ์สตูดิโอ ซึ่งธุรกิจทีวีดิจิตอลปัจจุบันรายได้ยังลดลงอยู่

 

บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 58 มีกำไรสุทธิ 31.33 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.008 บาทต่อหุ้น ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 34.64 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.01 บาทต่อหุ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 81.38 ล้านบาท หรือ 0.023 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 58% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 51.46 ล้านบาท หรือ 0.016 บาทต่อหุ้น

ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนที่มีกำไรเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการขายและบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 โดยมาจากรายได้โฆษณาจากสื่อสิ่งพิมพ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 และสื่อทีวีและวิทยุเพิ่มขึ้นร้อยละ 35 ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจทีวีดิจิตอล แม้ว่าต้นทุนและค่าใช้จ่ายในธุรกิจทีวีดิจิตอลเพิ่มขึ้น แต่บริษัทยังคงนโยบายควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง

 

– บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 58 มีกำไรสุทธิ 815.53 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.40 บาทต่อหุ้น ลดลง 24.70% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,083.03 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.54 บาทต่อหุ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 2,309.31 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 1.15 บาทต่อหุ้น ลดลง 32.28% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,410.04 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 1.70 บาทต่อหุ้น

ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกลดลงเหตุจากรายได้จากการขายเวลาโฆษณาลดลง แต่มีต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จากการปรับอัตราประจำปี และจากการขยายงานที่ได้เพิ่มโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลอีก 2 ช่วงรายการ ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนปีก่อน จึงมีผลให้กำไรลดลงจากปีก่อนมากดังที่กล่าว

 

– บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 58 มีกำไรสุทธิ 63.27 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.09 บาทต่อหุ้น ลดลง 29.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 89.62 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.13 บาทต่อหุ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 129.39 ล้านบาท หรือ 0.19 บาทต่อหุ้น ลดลง 71.25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 450.06 ล้านบาท หรือ 0.66 บาทต่อหุ้น

ผลการดำเนินในไตรมาส 3 ที่มีกำไรลดลงเนื่องจากในธุรกิจสื่อเริ่มมีการแข่งกันกันอย่างหนัก โดยเฉพาะธุรกิจโทรทัศน์ที่ได้รับผลกระทบพอสมควร ส่วนธุรกิจการให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (BNO) มีการให้บริการลูกค้าจำนวน 4 ราย แบ่งเป็น ช่องรายการแบบความคมชัดสูง (HD – High Definition) จำนวน 1 ช่อง และ ช่องรายการแบบความคมชัดปกติ (SD – Standard Definition) จำนวน 3 ช่อง ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้น

 

– บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 58 มีกำไรสุทธิ 27.57 ล้านบาทหรือกำไรต่อหุ้น 0.0274 บาท ลดลง 89.47% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 261.84 ล้านบาทหรือกำไรต่อหุ้น 0.2606 บาทต่อหุ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 30.10 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.0299 บาทต่อหุ้น ลดลง 90.95% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 332.68 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.3405 บาทต่อหุ้น

ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 และงวด 9เดือน ที่มีกำไรลดลงเหตุจากรายได้ธุรกิจสื่อลดลง อาทิ 1.ธุรกิจสื่อโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล หมวดหมู่ทั่วไป แบบความคมชัดปกติลดลง, 2.ธุรกิจสื่อวิทยุ ได้แก่ “COOL Fahrenheit 93” และ “สบายดี เรดิโอ 88.5” ลดลงเล็กน้อย, 3.รายได้ธุรกิจจัดจำหน่ายเพลง จากการจำหน่ายแผ่นเพลง รายได้จากธุรกิจดิจิตอล และรายได้จากการจัดเก็บลิขสิทธิ์ลดลง

 

– บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ MONO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 58 มีผลขาดทุนสุทธิ 96.13 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.031 บาทต่อหุ้น ลดลง 619.06% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 18.52 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.006 บาทต่อหุ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกมีผลขาดทุนสุทธิ 358.05 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.116 บาทต่อหุ้น  ลดลง 647.81%จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 65.36 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.021 บาทต่อหุ้น

ผลการดำเนินในไตรมาส 3 ที่พลิกขาดทุน สาเหตุจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายทางการตลาด และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ Content ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้จากการให้บริการสื่อโฆษณาในไตรมาส 3 ปี 2558 เพิ่มขึ้นจำนวน 190.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 134.72% จากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 80.98 ล้านบาท เนื่องจากการเติบโตของธุรกิจทีวี ดิจิตอลของสถานีโทรทัศน์ช่อง Mono 29

 

บริษัทดังกล่าว ถ้าลอง ดูกันดีๆ น่าจะพบคำตอบว่า ถึงความสำเร็จหรือความล้มเหลว ในเรื่องธุรกิจทีวีดิจิทัล ที่พูดๆ กันว่า จะพาบริษัทให้ได้ทำกำไรไปถึงขวัญหรือไม่นั่น ดูได้จากผลประกอบการที่ออกมาอาจเป็นคำตอบคลายข้อสงสัยให้หลายๆ คนได้อย่างชัดเจนเพียงระยะสั้น

นอกจากนี้ ว่ากันว่า ในระยะยาวแล้วหาก ผู้ประกอบการรายไหนยังไม่สามารถ สร้างผู้ชมของตนเองได้ก็ต้องคิดให้หนัก นอกจากที่จะต้องแข่งขันกัน 24 ช่อง และทีวีดาวเทียมอีกร้อยกว่าช่องแล้ว ยังต้องแข่งขันกับ เนื้อหาออนไลน์ไร้การควบคุมอีกเป็นล้านเนื้อหาต่อวันทางอินเทอร์เน็ตและมือถืออีกจำนวนมาก คำตอบนั้น น่าจะอยู่ที่การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคทั้งในด้านช่องทางการรับชมที่เป็นอยู่และกำลังเปลี่ยนไป หรือทั้งในด้านเนื้อหา ที่ผู้บริโภคนิยมชมชอบ

ทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับผู้บริหารเองว่าจะเดินเกมอย่างไรต่อไป!!

…

 

ตารางงบกำไรสุทธิไตรมาส 3/58 และงวด 9 เดือนของบริษัททำทีวีดิจิทัล

หลักทรัพย์	ไตรมาส3		เปลี่ยนแปลง		งวด 9 เดือน		เปลี่ยนแปลง
	2558	2557	ล้านบาท	%	2558	2557	ล้านบาท	%
WORK	58.54	25.89	32.65	126.11	155.76	34.85	120.91	346.94
GRAMMY	-119.20	-164.01	44.81	27.32	143.05	-1868.66	2011.71	107.66
NMG	31.33	34.64	-3.31	-9.56	81.38	51.46	29.92	58.14
BEC	815.53	1083.03	-267.50	-24.70	2309.31	3410.04	-1100.73	-32.28
MCOT	63.27	89.62	-26.35	-29.40	129.39	450.06	-320.67	-71.25
RS	27.58	261.84	-234.26	-89.47	30.10	332.68	-302.58	-90.95
MONO	-96.13	18.52	-114.65	-619.06	-358.05	65.36	-423.41	-647.81

(หน่วย: ล้านบาท)