“ไอร่า” แจงปล่อยเงิน “อภิมุข” เหตุขาย MORE นอก ATO รับ 122 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการเปิดเผยข้อมูลอ้างอิงแหล่งข่าว ในสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ที่ตรวจพบบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไอร่า จำกัด (มหาชน) ไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบ เพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (Customer Due Diligence : CDD) และไม่รายงานธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย (Suspicious Transaction Report : STR) หลังจากที่มีธุรกรรมการซื้อขายหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ที่ผิดปกติ ตามคำสั่งของของเลขาธิการ ปปง. จนทำให้บัญชีเงินหรือหลักทรัพย์ที่ซื้อขายต่อเนื่องจากเงินที่ได้จากการขายหุ้น MORE และ MORE-R ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 จำนวน 2 บัญชี มูลค่ารวมกว่า 413 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในรายการที่ ปปง.ไม่ได้ถูกอายัด และมีการจ่ายเงินให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้น

ล่าสุด นายไพโรจน์ เหลืองเถลิงพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ไอร่า ชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่า การดำเนินการของ บล.ไอร่า เป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการปกติของบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (CDD) และธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย (STR) ซึ่งในกรณีการซื้อขายหุ้น MORE และ MORE-R ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 จำนวน 2 บัญชีตามที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ โดยทันทีที่เกิดการซื้อขายผิดปกติ บล.ไอร่า ได้ขึ้น cash balance ในวันรุ่งขึ้นกับหุ้นของ MORE ที่ต้องซื้อขายด้วยเงินสดเท่านั้น

สำหรับบัญชีหลักทรัพย์ของลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับคดีหุ้น MORE จำนวน 405 ล้านบาทนั้น บล.ไอร่า ได้รับคำแนะนำเป็นหนังสือจากสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย หรือ ASCO ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 เพื่อขอความร่วมมือให้บริษัทหลักทรัพย์ตรวจสอบธุรกิจกรรมที่เกี่ยวของกับการซื้อขายหุ้น MORE เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ว่ามีธุรกรรมใดบ้างที่มีความผิดปกติ ซึ่งในส่วนบัญชีหลักทรัพย์ที่มีการขายหุ้น MORE จำนวน 405 ล้านบาท  บล.ไอร่า ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่พบความผิดปกติในการขายหุ้น MORE ของลูกค้ารายนี้ เนื่องลูกค้าไม่ได้ทำการขายในช่วง ATO โดยรายการของลูกค้ารายนี้ได้เริ่มต้นการขายหุ้น MORE ตั้งแต่ราคา 2.60 บาทไปจนถึงราคา 2.20 บาท ก่อนที่จะมีคำสั่งซื้อหุ้น MORE กลับมาในช่วงบ่ายวันเดียวกันที่ราคาเกือบ 2 บาท คิดเป็นมูลค่าประมาณ 283 ล้านบาท จึงมีเงินสดที่ส่งมอบให้ลูกค้าเพียง 122 ล้านบาท ซึ่งตลอดทั้งวัน บล.ไอร่า ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลก่อนที่จะจ่ายเงินให้ในเวลา 16.00 น.

นายไพโรจน์ ยังชี้แจงเพิ่มเติมว่า เหตุที่ บล.ไอร่า ไม่ได้มีการอายัดเงินลูกค้ารายนี้ เนื่องจากพิจารณาการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้า ยังไม่มีเหตุให้สงสัยว่าเป็นการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ และลูกค้ารายนี้มีการซื้อขายในลักษณะนี้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่หาก บล.ไอร่า ดำเนินการอายัดหลักทรัพย์ลูกค้าโดยไม่มีเหตุอันควร อาจทำให้ บล.ไอร่า ถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากลูกค้า เนื่องจากในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ยังไม่มีคำสั่งอย่างเป็นทางการ ทั้งจาก ก.ล.ต. ตลท. และ ปปง. ให้ดำเนินการอายัดทรัพย์ของลูกค้าคนดังกล่าว

ส่วนบัญชีหลักทรัพย์ของลูกค้าอีกรายที่ ปปง.ให้ดำเนินการอายัดมูลค่า 8.1 ล้านบาทนั้น นายไพโรจน์ ชี้แจงว่า บัญชีหลักทรัพย์ดังกล่าวไม่อยู่ในข่ายที่ ASCO ขอความร่วมมือให้ตรวจสอบ แม้จะมีการซื้อขายหุ้น MORE ในช่วง ATO แต่เป็นบัญชีที่มีมูลค่าการซื้อขายไม่ถึง 10 ล้านบาท จึงทำให้ บล.ไอร่า ไม่ได้มีการตรวจสอบเป็นพิเศษ โดยลูกค้ารายนี้ได้ขายหุ้น MORE มาตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นพฤติกรรมตามปกติ และในวันดังกล่าวลูกค้ารายนี้ยังซื้อหุ้นตัวอื่นๆเข้ามาในบัญชี จึงทำให้เงินที่ส่งมอบลูกค้าในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 เหลือประมาณ 7.2 ล้านบาทเท่านั้น

โดยหลังจากนี้ บล.ไอร่า จะส่งบัญชีหลักทรัพย์ของลูกค้าทั้ง 2 รายที่ดำเนินการอายัด ซึ่งเป็นหุ้นที่อยู่ในบัญชี และจะเข้าไปชี้แจงข้อมูลทั้งหมดกับ ปปง.อีกครั้ง ถึงเหตุผลเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ถูกอายัดอยู่ในขณะนี้มีมูลค่าลดลง โดยเฉพาะทรัพย์ของลูกค้าที่มีคำสั่งอายัดจำนวน 405 ล้านบาท ซึ่งหุ้นในบัญชีทั้งหมดเป็นหุ้นของ MORE นั้นหมายความว่าราคาสินทรัพย์ในปัจจุบันจะมีมูลค่าประมาณ 60 ล้านบาทเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ผู้บริหารของ บล.ไอร่า ได้เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับคำสั่งอายัดทรัพย์จากการซื้อขายหุ้น MORE และ MORE-R เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ของเลขาธิการ ปปง. จำนวน 34 รายการ บัญชีที่อยู่ในความดูแลของ บล.ไอร่า คือบัญชีหลักทรัพย์ของนายอภิมุข บำรุงวงศ์ หรือ ปิงปอง ที่มีมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกอายัดประมาณ 405 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ของนายชิติพัทธ์ กล่อมจิตเจริญ มีมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกอายัดประมาณ 8.1 ล้านบาท