พาราสาวะถี
ไม่ต้องรอการยืนยันด้วยคำพูด ท่วงทำนองของคนในเครือข่ายเด็กในคาถาของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนขึ้นทุกวัน
ไม่ต้องรอการยืนยันด้วยคำพูด ท่วงทำนองของคนในเครือข่ายเด็กในคาถาของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนขึ้นทุกวัน ยังไงก็ไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติล้านเปอร์เซ็นต์ การลาออกจากกรรมการบริหารพรรคและผู้อำนวยการพรรคสืบทอดอำนาจของ สุชาติ ชมกลิ่น ล่าสุดคือความแจ่มชัด เพียงแต่ว่าเหตุผลที่คนไขก๊อกอธิบาย กับสิ่งที่เป็นไปภายในพรรคแกนนำรัฐบาลมันต่างกันอย่างสิ้นเชิงแค่นั้นเอง
เสี่ยเฮ้งอ้างว่าตนประกาศความชัดเจนจะไปกับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ซึ่งความจริงก็รอผลการวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินในวันนี้ (30 พ.ย.) เพื่อให้ทุกอย่างสามารถวางแผน เดินตามเกมที่ขบวนการสืบทอดอำนาจต้องการเท่านั้น โดยวันเวลาระหว่างรอผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจประกาศอย่างเป็นทางการนั้น บรรดาสายตรงโดยเฉพาะสุชาติต่างก็พากันต่อสาย เจรจาเพื่อจะใช้พลังดูด ส.ส.ของพรรคสืบทอดอำนาจให้ย้ายไปอยู่ด้วยกันที่พรรคใหม่
เมื่อเป็นเช่นนั้นมันจึงทำให้พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง มีการเตรียมที่จะปลดสุชาติให้พ้นจากความเป็นผู้อำนวยการพรรคสืบทอดอำนาจ แต่ว่าเจ้าตัวชิงลาออกไปก่อน ความจริงไม่ใช่ว่าพี่ใหญ่ไม่ทันเกม เพียงแค่รอดูความเคลื่อนไหวบรรดาเด็กในสังกัดของน้องเล็กว่าจะแสดงอิทธิฤทธิ์ สร้างความปั่นป่วนกับพรรคอีกหรือไม่ หลังจากมีความพยายามที่จะยึดพรรคกันก่อนหน้านั้น หนนี้ก็ไม่ต่างกันจะแยกกันเดินแล้วก็ยังไม่วายที่จะตกปลาในบ่อพี่ งานนี้จึงยอมกันไม่ได้
ประสาคนใจถึงพึ่งได้ จึงมีการพลิกเกมยกหูและเชิญบรรดาแกนนำมุ้งต่าง ๆ ภายในพรรคสืบทอดอำนาจมาคุยกันแบบเปิดอก ใครจะตีจากกันบ้าง พร้อม ๆ กับข้อเสนอการดูแลชนิดถึงใจพระเดชพระคุณท่าน ทำเอาหลายคนที่คิดว่าจะไปอยู่กับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องเปลี่ยนใจทันควัน ไม่ได้เหนือความคาดหมายเมื่อความพยายามที่จะตกปลาในบ่อพี่ทำท่าจะเป็นหมันพลาดเป้าจากที่วางไว้ จึงหันไปยื่นข้อเสนอชักชวนคนจากพรรคประชาธิปัตย์แทน
อย่างที่บอกตั้งแต่การเลือกตั้งหนก่อน พรรคเก่าแก่จากที่เคยคิดว่าจะได้อานิสงส์จากการรัฐประหาร กลับเป็นมีผลกระทบหนักกว่าใครเพื่อน สะเทือนจนมาถึงการเลือกตั้งหนนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกในเมื่อผลสำรวจความคิดเห็นเทียบกันตัวต่อตัวระหว่างผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ กับ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ มันต่างกันลิบลับ ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมที่เคยส่งเสาไฟฟ้าลงยังชนะเลือกตั้งแบบนอนมา บางพื้นที่ขืนดันทุรังลงพรรคเดิมก็เตรียมเป็น ส.ส.สอบตกได้เลย
ความจริงไม่ได้มีเพียงแค่พรรคใหม่ของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่สร้างปัญหาให้กับประชาธิปัตย์ ทั้งพลังประชารัฐและภูมิใจไทยก็ใช้วิธีการเดียวกัน แต่ที่ทัวร์ลงและทำให้พรรคของ อนุทิน ชาญวีรกูล กลายเป็นตำบลกระสุนตกจากการเล่นงานโดยคนของพรรคเก่าแก่ ก็เพราะผลงานดันไปเข้าตาและทำท่าว่าจะเป็นพรรคที่แย่งชิงคะแนนเสียงที่สำคัญในพื้นที่ภาคใต้ ร่างกฎหมายกัญชาจึงตกเป็นตัวประกันและทำท่าว่าจะเป็นชนวนกระเพื่อมไปถึงเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย
ประสาพวกเก๋าเกมทางการเมืองจึงได้เห็นการออกมากระทุ้งแล้วกระทุ้งอีกของอู๊ดด้าที่ต้องการให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจรีบแต่งตั้ง นริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุงของพรรคเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยตามที่เสนอโดยเร็ว เพราะรู้ดีว่าการเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ การที่คนของตัวเองได้เข้าไปสู่อำนาจในการบริหาร โดยเฉพาะเก้าอี้ในกระทรวงมหาดไทย ย่อมเกิดประโยชน์มหาศาลต่อการเลือกตั้ง
เดิมทีผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็กะว่าจะตีขิมร้องเพลงรอ ดึงจังหวะไปให้ถึงปีใหม่ แต่สถานการณ์ทางการเมืองมันไม่เอื้อ และยังเกิดการเร่งมาจากพี่ใหญ่ที่เดิมทีบอกว่าจะไม่มีการปรับ ครม. จึงทำให้มีความชัดเจนเพิ่มเติมมาว่าจะมีการปรับ ครม.กันก่อนปีใหม่ น่าสนใจตรงที่เก้าอี้รัฐมนตรีที่จะเขย่าไม่ได้มีแค่หนึ่งคนของพรรคเก่าแก่ แต่จะขยับชุดใหญ่ ตรงนี้แหละที่ต้องขีดเส้นใต้ เพราะส่วนที่เหลือซึ่งไม่ใช่โควตาของสองพรรคร่วมรัฐบาล จะไม่ได้มีแค่คนของพรรคสืบทอดอำนาจเท่านั้น
ตรงนี้เกิดจากการต่อรองระหว่างน้องเล็กและพี่ใหญ่ เมื่อต้องแยกกันเดินน้องมีพรรคเป็นของตัวเองแล้วก็ต้องให้คนของน้องมีอำนาจในฝ่ายบริหารด้วย โดยมีข่าวเล็ดลอดมาว่าที่จะขยับกันจะไม่น้อยกว่า 12 ตำแหน่งหรืออาจมากไปถึง 18 เก้าอี้ โดยที่พี่ใหญ่ขอดูหน้าตักเมื่อถึงเวลาจะเขย่ากันด้วยว่า มีบรรดารัฐมนตรีที่ทำตัวเป็นอีแอบเก็บอาการจะย้ายไปอยู่กับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแล้ว แต่ยังหวงเก้าอี้ที่เป็นโควตาของพรรคสืบทอดอำนาจไว้อยู่
ถึงตอนนั้นพี่ใหญ่ก็พร้อมที่จะเล่นบทโหดขอริบคืนเก้าอี้เหล่านั้นบวกกับ 2 ตำแหน่งที่ถูกริบคืนไปด้วย เพื่อผลักดันให้บรรดาคนที่เป็นมือไม้ทำงานได้มีตำแหน่งแห่งหน ว่ากันว่าถ้าตกลงกันไม่ได้ก็อาจจะต้องถึงเวลาเลิกอุ้มสมกัน จนเป็นเหตุให้นำไปสู่การยุบสภาในที่สุด แม้จะมีเจตนาหลุดของพี่ใหญ่ที่ว่ารวมไทยสร้างชาติก็เหมือนพรรคเดียวกัน แต่ความหมายอาจไม่ได้จะสื่อแบบนั้น เหมือนเป็นการกระตุกให้สำนึกว่ามีการเล่นไม่ซื่อ ใช้พลังดูดแบบไม่เกรงใจกัน เมื่อถึงเวลาเอาคืนก็ต้องให้สาสม
ขณะเดียวกัน การทำงานการเมืองของพี่ใหญ่และทีมงานก็ไม่ใช่พวกที่เลือกจะอยู่ข้างหนึ่งฝ่ายใดเพียงฝ่ายเดียว ยังมีการเดินเกมสายกลางมีมือประสานสิบทิศทั้งที่ปรากฏชื่อมีตัวตน และคนที่ทำงานแบบไม่เปิดเผย เพราะอีกมุมหนึ่งที่ว่า ถ้าผลการเลือกตั้งออกมาในลักษณะที่พรรคอันดับหนึ่งและสองไม่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ ในขณะที่กระแสหลังเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนก็จะเกิดอาการเบื่อหน่ายผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ดังนั้น การจับมือกันของพรรคอันดับสาม สี่ ห้า เพื่อที่จะเสนอตัวเป็นทางเลือกหนุนให้มีรัฐบาลที่เป็นที่ยอมรับของประชาชนจึงมีความเป็นไปได้สูง