จับตาหุ้น “โรงไฟฟ้า” วิ่ง! ขานรับขึ้น “เอฟที” หลังรัฐส่อคุมไม่อยู่ขยับเกิน 5 บ.
จับตาหุ้น GPSC-GULF-BGRIM วิ่ง! ขานรับขึ้น “เอฟที” หลังรัฐหมดท่าเอาไม่อยู่ค่าไฟขึ้นทะลุ 5 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานอ้างอิง แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในการพิจารณาการตรึงค่าไฟฟ้างวดระหว่างเดือนม.ค.-เม.ย. 66 ที่ระดับราคา 4.72 บาทต่อหน่วยนั้น ขณะนี้ถือว่าเป็นไปได้ยาก ซึ่งค่าไฟฟ้ามีโอกาสปรับเพิ่มทะลุไปถึง 5 บาทต่อหน่วย จากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับแผนของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ที่จะให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เข้าไปช่วยรับภาระดังกล่าวด้วยการจ่ายเงินชดเชยราว 1.6 พันล้านบาทเพื่อพยุงค่าไฟฟ้านั้น ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องคำนึงถึงข้อกฎหมายด้วยว่าสามารถทำได้หรือไม่ ดังนั้นจึงต้องมาติดตามผลการประชุมบอร์ด ปตท.ในวันที่ 15 ธ.ค. ว่าจะมีมติอย่างไร ส่วนอีกแนวทางหนึ่งที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคือการปรับลดค่าขายก๊าซฯ ของปตท.ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. และโรงไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนของโรงไฟฟ้าลดลง ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือ Ft ลดน้อยลงไปด้วย
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แผนดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง GPSC, GULF และ BGRIM ที่จะได้ประโยชน์จากค่าก๊าซฯ ที่ลดลง ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงไปด้วย ขณะที่ค่าไฟฟ้ายังอยู่ในระดับสูงซึ่งจะทำให้อัตรากำไร หรือ มาร์จิ้น ขยายตัวกว้างขึ้น
อย่างไรก็ดีวานนี้ (6 ธ.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. มีมติให้กฟผ. เข้าร่วมลงทุนในบริษัท LNG Receiving Terminal แห่งที่ 2 บ้านหนองแฟบ ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ในสัดส่วน 50% โดยมีมูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 16,350 ล้านบาท ซึ่งการร่วมทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงของกฟผ.ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ด้านนายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า แม้ภาครัฐจะขอความร่วมมือจากปตท. เพื่อให้จ่ายเงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้า จำนวน 6,000 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับกำไรที่ระดับ 1 แสนล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นเพียงสัดส่วนราว 6% เท่านั้น ดังนั้นจึงมองว่าจะไม่กระทบต่อกำไรของปตท.มากนัก อีกทั้งปตท.เป็นหุ้นปันผลสม่ำเสมอ ซึ่งรายได้หลักมาจากบริษัทลูก ดังนั้นเชื่อว่าปตท.จะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการขอความร่วมมือช่วยเหลือค่าไฟฟ้าดังกล่าว จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 42 บาท