SPRC โรงกลั่นสู่ค้าปลีก

เห็นภาพโรงกลั่นที่ขาดทุนยับในช่วง Q3/65 แล้วละเหี่ยใจ แต่บางไตรมาสก็กำไรสุดโต่งเลยนะ หลักๆ จะขึ้นอยู่กับค่าการกลั่นและอัตราแลกเปลี่ยนแต่ละช่วง


เห็นภาพโรงกลั่นที่ขาดทุนยับเยินในช่วงไตรมาส 3/2565 แล้วละเหี่ยใจ แต่บางไตรมาสก็กำไรสุดโต่งเลยนะ หลัก ๆ จะขึ้นอยู่กับค่าการกลั่นและอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละช่วง ทำให้ผลประกอบการของหุ้นโรงกลั่นค่อนข้างสวิงสวาย ซึ่งถ้าเข้าไม่ถูกจังหวะก็มีโอกาสอยู่บนดอยค้างฟ้าได้เหมือนกัน..!!

ในขณะที่ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เดิมเป็นหุ้นโรงกลั่นเพียว ๆ ไม่ต้องเติมน้ำและโซดา ถึงเวลามีกำไรก็ดีไปเลย แต่ถ้าขาดทุนก็หนักหนาสาหัสเหมือนกัน กลายเป็นจุดเด่นและจุดด้อยที่ทับซ้อนกันอยู่ ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา โรงกลั่นหลาย ๆ ค่ายหันมาโฟกัสธุรกิจนอนออยล์มากขึ้น โดยเฉพาะค้าปลีกในปั๊มน้ำมัน ทำให้สนามการค้าเริ่มกลายเป็นสนามรบ ซึ่งแต่ละค่ายก็มีทีเด็ดของตัวเอง

เลยเป็นที่มาที่ทำให้ SPRC และเชฟรอน (ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ SPRC) ต้องคิดใหม่ทำใหม่ นำไปสู่การปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ด้วยการโยกสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนอนออยล์ของกลุ่มเชฟรอนมาอยู่ภายใต้ SPRC

โดยสเต็ปแรก SPRC จะไปซื้อหุ้นสัดส่วน 100% ในบริษัท เชฟรอน ลูบริแคนท์ (ประเทศไทย) จำกัด จาก 1) Chevron Asia Pacific Holdings Limited (CAPHL) 2) CT Nominee Holdings (I) LLC (CTN1) และ 3) CT Nominee Holdings (II) LLC (CTN2) หลังจากนั้น บริษัท เชฟรอน ลูบริแคนท์ (ประเทศไทย) จะเข้าลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมภายใต้แบรนด์คาลเท็กซ์ ของบริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด (CTL) และสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง…

ถัดมาจะเข้าลงทุนในธุรกิจให้บริการขนส่งและจัดจำหน่ายน้ำมันทางระบบท่อส่ง ผ่านบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (Thappline) ด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 9.91%

รวมทั้งจะเข้าซื้อหุ้นและปล่อยเงินกู้ให้กับ 2 บริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ โดยหนึ่งในนั้นจะเข้าซื้อที่ดินจำนวน 19 แปลง เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จากบริษัท สตาร์โฮลดิ้งส์ จำกัด (SHC) อีกด้วย

รวมมูลค่างบลงทุนทั้งหมด 5,562.5 ล้านบาท

เท่ากับว่า หลังจากปรับโครงสร้างแล้วเสร็จ SPRC ซึ่งเดิมมีโรงกลั่นเป็นธุรกิจหลัก ก็จะเพิ่มปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์จำนวน 427 แห่ง ท่อส่งน้ำมัน Thappline และเงินลงทุนในบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เข้ามาอยู่ในพอร์ต ก็น่าจะทำให้รายได้และกำไรของ SPRC มีเสถียรภาพมากขึ้น ไม่สวิงสวายเหมือนเช่นที่ผ่านมา

ขณะที่ ไฮไลต์การปรับโครงสร้างครั้งนี้อยู่ที่การรุกสู่ธุรกิจค้าปลีกในปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ซึ่งเป็นปลายน้ำ แต่มีมาร์จิ้นดีกว่าต้นน้ำและกลางน้ำ แล้วถ้าสังเกตจะเห็นว่า เดี๋ยวนี้ปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ก็ดูโมเดิร์นไม่แพ้ปั๊มน้ำมันค่ายอื่น ๆ แล้วนะ ทำให้มีคนเข้ามาใช้บริการ รวมถึงดึงให้ร้านค้ามาเช่าพื้นที่มากขึ้น

เป็นโมเดลที่ช่วยสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจของ SPRC ให้มีความหลากหลายขึ้น…ซึ่งไม่ต่างจากบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ที่มีกลางน้ำเป็นโรงกลั่น และปลายน้ำเป็นปั๊มน้ำมันบางจากนั่นแหละ

ส่วนอีกเหตุผล คงเห็นเทรนด์ EV ที่กำลังมาแรงละมั้ง โอเค…แม้ EV จะดิสรัปชันธุรกิจปั๊มน้ำมัน แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำ ทำให้ปั๊มน้ำมันหลาย ๆ ค่ายต้องมี EV Charger ควบคู่กันไป ซึ่งไม่แน่อาจได้เห็น EV Charger ในปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ก็ได้…ใครจะไปรู้

ด้านนักวิเคราะห์คาดว่า ธุรกรรมดังกล่าวจะช่วยปั้นกำไรให้ SPRC ได้อย่างน้อย ๆ ราว 800 ล้านบาทเชียวหนา…

ก็น่าจะทำให้ SPRC ดูเปล่งปลั่งมากขึ้น..ว่าป๊ะล่ะ.!!??

…อิ อิ อิ…

Back to top button