รายย่อย “ชัตดาวน์” เทรด 1 วัน ซื้อขาย 15 นาทีแรกเหลือ 5 พันล้าน
มูลค่าซื้อขายตลาดหุ้นไทย 15 นาทีแรกวันนี้เหลือเพียง 5 พันล้านบาท จากวันก่อนทะลุ 8 พันล้านบาท หลังนักลงทุนรายย่อยหยุดเทรด 1 วัน แสดงพลังคัดค้านการจัดเก็บภาษีขายหุ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยภาคเช้าช่วง 15 นาทีแรกอยู่ที่ระดับ 1,620.31 จุด ลบไป. 1.97 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 5 พันล้านบาท ซึ่งถือว่ามีความเบาบางกว่าวันก่อนหน้าที่มีมูลค่าซื้อขายราว 8 พันล้านบาท หลังนักลงทุนรายย่อยมีการเชิญชวนแสดงพลังคัดค้านการเก็บภาษีขายหุ้นด้วยการหยุดการซื้อขายเป็นเวลา 1 วันในวันนี้ (8 ธ.ค. 65) ผ่านกลุ่มโซเซียลต่างๆ เพื่อแสดงถึงความไม่เห็นด้วยกับการจัดเก็บภาษีขายหุ้นของรัฐบาล
ทั้งนี้ จากการเข้าไปดดูการแสดงความคิดเห็นของนักลงทุนรายย่อยในโซเชียลต่าง ๆ มีการแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วย เช่น “ผมเป็นชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อหวังผลตอบแทน คือ กำไรจากการเล่นหุ้น ไม่มีความรู้ด้านกฎหมายเหมือนกับท่าน แต่ผมคิดว่าหลักในการเก็บภาษีของรัฐ ควร 1.ต้องมีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน และ 2.ต้องเก็บจากรายได้ของประชาชน และต้องไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน
ถึงตรงนี้การเก็บภาษีขายหุ้นที่ท่านจะเรียกเก็บ ผมคิดว่ามันผิดหลักการที่กล่าวมาทั้ง 2 ข้อ การขายหุ้นมีทั้งขายกำไรและขายขาดทุน ทำไมคนที่ขายขาดทุนยังต้องถูกเก็บภาษีในส่วนนี้ด้วย”
และยังระบุว่า “ท่านเลือกเก็บภาษีขายหุ้นจากการขายที่กำไรอย่างเดียวได้หรือไม่ (ไม่ใช่ capital gain) และอีกประการหนึ่ง ท่านได้ประกาศยกเว้นให้กับกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม เช่น market maker กองทุน กบข. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนออมทรัพย์ ฯลฯ จะถือว่าผิดหลักการในเรื่องความเสมอภาคและเท่าเทียมกันหรือไม่ ถ้าท่านมีเจตนาที่จะพัฒนาตลาดทุนให้เกิดความเป็นธรรมจริง ตามที่ท่านว่าผมก็ขอฝากให้ทบทวนการออกกฎหมายฉบับนี้ด้วย”
ปล.นักลงทุนรายย่อยขอแสดงสิทธิคัดค้านการออกกฎหมายภาษีขายหุ้นที่ไม่เป็นธรรมฉบับนี้ ด้วยการหยุดส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นเป็นเวลา 1 วัน ในวันที่ 8 ธ.ค. 2565 พร้อมกันทั้งประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีการแสดงความคิดเห็นจากนักลงทุนท่านอื่นอีกว่า “ขออนุญาตแสดงความเห็นนะคะ ลำพังตนเองสามารถเอาตัวรอดได้ค่ะ เป็นคนเดียวในตระกูลที่เป็นครอบครัวใหญ่ นอกนั้นเจ๊งทุกคนค่ะ ในบรรดากลุ่มเพื่อนที่เล่นหุ้นเจ๊งทุกคนเช่นกันค่ะ จนเข็ดขยาด ไม่ใช่ว่าทุกคนที่เจ๊งจะไม่พยายาม แต่ตลาดนี้โหดสุด ๆ และยากจริง ๆ ค่ะ
ขอพูดในฐานะเสียงเล็กสุดที่สามารถเอาตัวรอดได้นิดหน่อยในตลาดนี้นะคะ ถ้าไม่ได้เป็นคนที่ “ใจยอมขาดทุนตั้งแต่เริ่มเล่น” ป่านนี้ก็เจ๊งเช่นกันค่ะ เพราะใจไม่เข้มแข็งและไม่อดทนพอที่จะเผชิญกับเกมในตลาดโหดแห่งนี้ได้ค่ะ ในเมื่อท่านยกเว้นให้กลุ่มอื่น ๆ ได้ ทำไมยกเว้นให้อีกกลุ่มหนึ่งที่เล่นขาดทุนไม่ได้ ซึ่งกลุ่มนี้มีจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่ช่วยสร้างกระแสเงินสะพัดในตลาดได้ไม่แพ้กลุ่มที่ถูกยกเว้นอื่น ๆ ทั้งที่เป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุดในตลาด ซึ่งท่านควรช่วยเหลือและสนับสนุนให้กลุ่มนี้ได้ค่อย ๆ พัฒนาฝีมือให้เก่งขึ้น และเป็นนักลงทุนที่มีฝีมือต่อไปกับตลาดไทยค่ะ
กลุ่มนี้มีจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่จะเป็นผู้เกษียณอายุในอนาคต ที่หวังว่าตลาดนี้จะเป็นที่พึ่งสุดท้ายในการหารายได้เพียงแค่ค่ากับข้าวในแต่ละวัน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพในแต่ละเดือน ก็พอใจที่สุดแล้ว โดยไม่อยากเป็นภาระให้กับครอบครัวหรือรัฐบาลค่ะ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาช่วยเหลือกลุ่มดังกล่าวด้วยใจเป็นธรรม เหมือนที่ท่านมีจิตเมตตาต่อกลุ่มอื่น ๆ อย่างเท่าเทียมกันค่ะ ด้วยความเคารพอย่างสูง”
และอีกหนึ่งความคิดเห็น “ผมเข้าใจนะครับ ที่บอกว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องปรับตัว แต่บางสถานการณ์ อย่างการเก็บภาษีแบบนี้ ไม่มีพื้นที่ให้ปรับตัวเลย มีแต่อยู่ในตลาด กับออกจากตลาด เพราะบางท่าน อย่างที่เห็น ๆ คือ จากที่กำไรหวุดหวิด ขาดทุนบ้าง บางทีต้องมาถูกซ้ำเติมจากภาษี หลาย ๆ คนที่เทรด ระบบทุกอย่างมันก็พัง การเรียกเก็บภาษีจึงไม่ต่างจากการไล่เขาออกจากอาชีพเทรดเดอร์”