PRIME ยื่นชิงไฟฟ้า “กกพ.” ดันกำลังผลิตปี 70 แตะ 1,800 MW

PRIME ยื่นข้อเสนอตามประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในรูปแบบ “FiT” แก่ กกพ. รวม 30% กำลังการผลิตระหว่างปี 65 – 73 มุ่งสู่เป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้า 1,800 เมกะวัตต์ ภายในปี 70  


นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME เปิดเผยว่า ได้ยื่นข้อเสนอตามประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) รวม 30% จากกำลังการผลิตในระหว่างปี 2565 – 2573 ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)

ทั้งนี้ ตามประกาศของ กกพ. เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2565 เรื่องโครงการจัดหาไฟฟ้าเพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถมุ่งสู่พลังงานสะอาดและลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net – Zero Carbon Emission) ภายในปี พ.ศ. 2608 – 2613 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ประเทศไทยจะต้องเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนให้มีสัดส่วนที่มากขึ้นในภาพรวมของการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศ อีกทั้งตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 – 2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP 2018 Rev.1) กำหนดให้ต้องมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าใหม่ที่ใช้พลังงานทดแทนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศ

สำหรับ โครงการนี้ซึ่งประกาศโดย  กกพ. ในวันที่ 27 ก.ย.2565 เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการเป็นเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำโดยปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608 – 2613 ด้วยเหตุนี้ประเทศไทยจำเป็นต้องเพิ่มการผลิตพลังงานหมุนเวียนในสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าโดยรวมของประเทศ ตามแผนพลังงานแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ฉบับที่ 1 กำหนดให้สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจะต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศ

โดยในฐานะที่บริษัทฯ เป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ จึงเล็งเห็นว่าโครงการของ กกพ. สอดคล้องกับความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นของบริษัท ในการผลักดันให้มีการใช้พลังงานสะอาดให้มากขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายระดับโลกในการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีแผนที่จะลงทุนด้วยเม็ดเงินจำนวนมากในโครงการพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟ้ฟ้า (installed capacity) ให้ครบ 1,800 เมกะวัตต์ภายในปี 2570 ซึ่งการเข้าร่วมในโครงการของ กกพ. เป็นโครงการที่เหมาะสมและลงตัวอย่างมากกับแผนธุรกิจของบริษัท รวมถึงได้ออกหุ้นกู้เมื่อต้นเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับเงินลงทุนที่เตรียมไว้เพื่อการสร้างการเติบโตของบริษัทให้เป็นไปตามแผนงาน

อนึ่ง บริษัทฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปี ในการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ รวมถึงเป็นผู้จัดจำหน่ายและให้บริการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เพื่อการประหยัดพลังงาน ณ ปัจจุบัน มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าติดตั้งรวม 303.2 เมกะวัตต์ โดยมีการดำเนินธุรกิจใน 4 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ได้แก่ ไทย, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, และกัมพูชา

ส่วนของ ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์  ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุนในโครงการพลังงานทดแทนอื่นๆ เช่น พลังงานลม, พลังงานก๊าซชีวภาพ, พลังงานชีวมวล, และพลังงานจากขยะมูลฝอย อีกทั้งบริษัทยังมีความหลากหลายในธุรกิจรับเหมาติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop Engineering, Procurement, and Construction (EPC) ซึ่งรับบริหารจัดการด้านการประหยัดพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแบบครบวงจร (one-stop-services) และธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าจากระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop Private-Power Purchase Agreement (PPA)  เพื่อจับตลาดค้าปลีกที่เติบโตขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา

Back to top button