ครม. เคาะแผนแม่บทอวกาศ-ร่างนโยบายดาวเทียมสื่อสาร
ครม. เคาะแผนแม่บทอวกาศ-ร่างนโยบายดาวเทียมสื่อสาร พร้อมสั่ง NT สำรวจดีมานด์เชิงลึก คาดสำเร็จภายในระยะเวลา 3 ปี เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายอวกาศของรัฐบาลให้เป็นรูปธรรม
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างแผนแม่บทอวกาศแห่งชาติ พ.ศ.2566-2580 (National Space Master Plan 2023 – 2037) รวมทั้งเห็นชอบหลักการร่างนโยบายดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายอวกาศของรัฐบาลให้เป็นรูปธรรม
สำหรับร่างแผนแม่บทอวกาศแห่งชาติ มีวิสัยทัศน์ คือ มุ่งพัฒนา และใช้ประโยชน์จากกิจการอวกาศ เพื่อความมั่งคั่ง มั่นคง ยั่งยืน ดำเนินพันธกิจ เช่น พัฒนาและส่งเสริมความมั่นคงอวกาศ พัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอวกาศ วิจัยและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอวกาศ ติดตาม เฝ้าระวัง วิจัยและสำรวจอวกาศ
โดยร่างแผนแม่บทอวกาศแห่งชาติฉบับนี้ จะขับเคลื่อนภายใต้ 8 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 กิจการอวกาศเพื่อความมั่นคง ยุทธศาสตร์ที่ 2 กิจการอวกาศเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาเศรษฐกิจอวกาศ ยุทธศาสตร์ที่ 4 การบริหารโครงสร้างพื้นฐานด้านอวกาศของประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ 5 การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอวกาศ ยุทธศาสตร์ที่ 6 การพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพคน ยุทธศาสตร์ที่ 7 การพัฒนาความร่วมมือกับต่างประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ 8 การสร้างกลไกการขับเคลื่อนแผนแม่บทอวกาศแห่งชาติ
ทั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อใช้ประโยชน์จากกิจการอวกาศในการรักษาความมั่นคง สร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การให้บริการสาธารณะและเชิงพาณิชย์ รวมถึงขับเคลื่อนกิจการอวกาศแบบบูรณาการ พัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมอวกาศที่มีคุณภาพ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมรองรับกิจการอวกาศ และร่วมมือกับต่างประเทศ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของกิจการอวกาศ
ส่วนร่างนโยบายดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติ เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ในการมีดาวเทียมสำหรับหน่วยงานภาครัฐที่สามารถกำกับดูแลและบริหารจัดการเอง เพื่อใช้ในการให้บริการสาธารณะ ความมั่นคง และเชิงพาณิชย์ เนื่องจากที่ผ่านมา รัฐได้รับการจัดสรรช่องสัญญาณ จำนวน 1 วงจรดาวเทียม ตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ หรือสัญญาสัมปทานดาวเทียม เพื่อใช้ในกิจการของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อปริมาณการใช้งานในปัจจุบัน
ต่อมา หน่วยงานของรัฐได้มีการเช่าซื้อช่องสัญญาณของดาวเทียมเพิ่มเติม จากดาวเทียมไทยคม 6 ไทยคม 7 และช่องสัญญาณจากต่างชาติ โดยเป็นการใช้ประโยชน์จากดาวเทียมภาพถ่าย ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา และดาวเทียมระบบนำร่อง จึงจำเป็นต้องมีดาวเทียมที่เป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ หรือดาวเทียมที่รัฐมีสิทธิในการควบคุม บริหารจัดการ เพื่อสนับสนุนภารกิจของรัฐ
ด้วยเหตุนี้ จึงต้องร่างนโยบายดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติขึ้น โดยมีแนวความคิดหลัก คือ 1.จัดให้มีดาวเทียมสื่อสารของประเทศที่เป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ 2.ใช้ประโยชน์จากเอกสารข่ายงานดาวเทียม และตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมในนามประเทศไทย 3.ให้ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการ 4.ดำเนินการภายใต้กรอบแห่งกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยไม่เป็นการแข่งขันกับเอกชน
“ที่ประชุมครม. ได้มอบหมายให้ NT ดำเนินการจัดให้มีผู้เชี่ยวชาญดำเนินการสำรวจความต้องการใช้งานดาวเทียมในเชิงลึกต่อไป และร่วมพิจารณา เพื่อให้การดำเนินงานดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติ เกิดผลสำเร็จภายในระยะเวลา 3 ปี” น.ส.รัชดา กล่าว
พร้อมกันนี้ ครม. ยังได้รับทราบความคืบหน้าร่าง พ.ร.บ.กิจการอวกาศ พ.ศ. …. โดยปัจจุบัน อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมถึงการดำเนินงานศูนย์ประกอบทดสอบดาวเทียมแห่งชาติ (National Assembly Integration and Test: AIT) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาดาวเทียมของประเทศไทย โดยได้มอบหมายสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ สทอภ. ให้ดำเนินการขยายผล และส่งเสริมการสร้างเศรษฐกิจอวกาศแก่ภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงขยายขีดความสามารถของศูนย์ประกอบทดสอบดาวเทียมแห่งชาติ ให้รองรับการให้บริการหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไป