SGC วิ่งต่อ 4% ลั่นปี 66 รายได้โตต่อเนื่อง โบรกเคาะเป้า 6.20 บ.
SGC วิ่งต่อ 4% บริษัทมั่นใจปี 66 รายได้โตต่อเนื่อง รับแผนปล่อยสินเชื่อใหม่แตะ 7.7 พันล้านบาท โบรกเคาะราคาเป้าหมาย 6.20 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 ธ.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC ณ เวลา 10:22 น. อยู่ที่ระดับ 5.20 บาท บวก 0.20 บาท หรือขึ้นไป 4% สูงสุดที่ระดับ 5.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 802.75 ล้านบาท
นางสาวบุษบา กุลศิริธรรม กรรมการผู้จัดการ SGC เปิดเผยว่า ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น เป็นเพราะนักลงทุนเห็นผลงานของบริษัท โดยในปี 2566 คาดรายได้โตต่อเนื่อง ตามสัดส่วนรายได้หลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อรถทำเงิน และสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะเดียวกันในปี 2566 ตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ 7,700 ล้านบาท จากปีนี้ที่ปล่อยสินเชื่อใหม่ 5,500 ล้านบาท ตามเป้าหมาย ทำให้สิ้นปี 2565 มีพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อ 15,000 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มลูกหนี้ที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (NPL) ทั้งตลาดในปี 2566 จะปรับสูงขึ้นชั่วคราว เพราะหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย การชำระหนี้ยังไม่กลับมาปกติ แต่ของ SGC จะพยายามควบคุม NPL ในส่วนสินเชื่อรถทำเงิน จุดสมดุลต้องไม่เกิน 1% และสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 7.6% ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) ในปัจจุบันอยู่ที่ราว 5.3 เท่า หลังจากระดมทุนครั้งนี้ จะส่งผลให้ D/E ลดลงเป็น 2.3 เท่า ช่วยเสริมศักยภาพการขยายธุรกิจ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า SGC เป็นผู้ให้บริการทางการเงินที่มิใช่สถาบันทางการเงิน (Non-bank) ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่ 1.สินเชื่อเช่าซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องจักร ได้แก่ เครื่องใช้ในครัวเรือน (ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น) เครื่องใช้ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (ตู้เติมเงิน ตู้แช่แข็ง และตู้เติมน้ำมัน เป็นต้น) และเครื่องจักร (เครื่องมือทางการแพทย์ เครื่องสกรีนผ้า และเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ เป็นต้น) 2.สินเชื่อรถทำเงิน (สินเชื่อจำนำทะเบียน) โดยเน้นรถเพื่อการพาณิชย์เป็นหลัก เช่น รถบรรทุก รถกระบะ และรถตู้ เป็นต้น 3.สินเชื่อสวัสดิการพนักงาน และ 4.สินเชื่อผ่อนทองออนไลน์และอื่น ๆ
ทั้งนี้ SGC ตั้งเป้าหมายสินเชื่อสุทธิ ณ สิ้นปี 2569 ที่ 5 หมื่นล้านบาท เติบโตสูงถึง 35% p.a. (CAGR) จากปี 2564 โดยเน้นกลยุทธ์หาลูกค้าใหม่มากขึ้น จากจุดเด่นด้านการบริการเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ และอนุมัติสินเชื่อเร็ว โดยจะเน้นสินเชื่อจำนำทะเบียนรถบรรทุกเป็นหลัก ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตอีกมากในระยะยาว
ขณะเดียวกัน คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565-2567 ของ SGC จะเติบโต 8.6%, 42.9% และ 35.5% ตามลำดับ จากแนวโน้มสินเชื่อสุทธิปี 2565-2567 จะเติบโต 37.7%, 31.4% และ 32.1% ตามลำดับ จากการเร่งปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถบรรทุกมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้ผลบวกจากแนวโน้มค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลงหลังจากได้เงินระดมทุนจาก IPO
อีกทั้งกำหนด Fair value ปี 2566 ของ SGC เท่ากับ 6.20 บาท อิง P/BV ที่ 2.6 เท่า ตามวิธี Gordon Growth Model ที่ ROE เฉลี่ยระยะยาว 15.0% และการเติบโตเฉลี่ยระยะยาวที่ 6.5% เทียบเท่า PER ปี 2566 ที่ 22.0 เท่า และ P/BV ที่ 2.6 เท่า โดยประเมินว่า SGC มีศักยภาพในการเติบโตสูงในระยะยาว หลังจากเข้าระดมทุน IPO แล้ว จากการขยายสินเชื่อในกลุ่มรถทำเงินต่อเนื่อง หนุนสินเชื่อเติบโตได้ในระยะยาว
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุว่า ประเมินมูลค่าของ SGC โดยอ้างอิง P/E Ratio ที่ 23 เท่า และคาดกำไรต่อหุ้น (EPS) สำหรับปี 2566 ที่ 0.26 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสมที่ 6.00 บาทต่อหุ้น สำหรับปี 2566 แนะนำ “ซื้อ”