KJL โบรกอัพเป้าใหม่ 21 บ. คาดปี 66 รายได้ทะลุ 1.1 พันล้าน โกยกำไรเพิ่ม 24%
KJL บริหารต้นทุนดีมีศักยภาพ ลุ้นไตรมาส 4/65 เติบโตแกร่ง คาดปี 66 รายได้ทะลุ 1.1 พันล้าน โกยกำไรเพิ่มขึ้น 24% เล็งอัพไซส์ราคาเหมาะสมใหม่ 21 บาท
นางสาววิชชุดา ปลั่งมณี ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ปี 2565 เติบโตได้อย่างต่อเนื่องเป็นไปตามเป้าบริษัทฯวางไว้ โดยมีกำไรสุทธิ 32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 29% โดยมีรายได้จากการขาย จำนวน 255 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% ส่วนผลประกอบการในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% มีรายได้จากการขาย 756 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% และอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยที่ปรับดีขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 28% สาเหตุจากบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 2565 ยังสะท้อนการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นคาดว่า จะมีกำไรปกติประมาณ 34 ล้านบาท เติบโตเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า และเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยปัจจัยการเติบโตมาจากยอดขายสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐานที่ตลาดต้องการและสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ คาดว่าจะมีรายได้จากการขายประมาณ 260 ล้านบาท เติบโตทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า และคงอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัว 28-29%
ทั้งนี้ บริษัทฯ ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565-2566 หลังจากสร้างยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นได้ดีกว่าที่ประเมินไว้จากกำไรในงวด 9 เดือน ของบริษัทฯ คิดเป็น 90% ของประมาณการกำไรปี 2565 ซึ่งได้ปรับประมาณการกำไรปกติของ KJL ในปี 2565 ปรับขึ้น 26% อยู่ที่ 132 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวปีก่อน และในปี 2566 ปรับขึ้น 24% อยู่ที่ 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวปีก่อน จากสมมติฐานรายได้ที่เพิ่มขึ้น เป็น 1 พันล้านบาท และ 1.1 พันล้านบาท และปรับประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 28% และ 28.2% จากการบริหารจัดการต้นทุนมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง โดยในปี 2566 จะปรับใช้ราคาเป้าหมายใหม่ 21 บาท (อ้างอิง PE 16.5 เท่า ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ของผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกัน) จากราคาเดิม 17.30 บาท โดยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”
อย่างไรก็ตาม KJL วางแผนเป็นหุ้นเติบโต (Growth Stock) เพราะ KJL มีพัฒนาการที่ดีในธุรกิจตู้ไฟสวิทซ์บอร์ด ตู้กันน้ำแบบมีหลังคาเพื่อใช้ภายนอกอาคาร รวมถึงงานออกแบบผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้า (MTO) และเป็นผู้เชี่ยวชาญในการประกอบอุปกรณ์โลหะ และอุปกรณ์ไฟฟ้า จากสินค้าที่มีความหลากหลาย สามารถรองรับได้ในทุกอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันการบริหารจัดการต้นทุนมีศักยภาพ ซึ่งคาดว่ากำไรปกติจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) (ปี 2565 – 2567) ที่ 15.8% ขณะที่ สถานะการเงินเป็นเงินสดสุทธิ (Net cash company) พร้อมขยายการลงทุนและพัฒนาสินค้าใหม่ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในอนาคต