GIFT พุ่งต่อ 13% ลุ้น “เทิร์นอะราวด์” หลัง “เฮียฮ้อ” เทกโอเวอร์ ซินเนอร์ยี่ธุรกิจใหม่
GIFT พุ่งต่อ 13% หลัง “เฮียฮ้อ” แท็กทีม “บิ๊กอ๊อด” ทุ่มเงิน 910 ล้านบาท เทกโอเวอร์ GIFT จ่อขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่ เตรียมส่งทีมบริหารชุดใหม่เข้าฟื้นฟู GIFT พร้อมประกาศแผนเทิร์นอะราวด์ จับตาต่อยอดซินเนอร์ยี่สร้างธุรกิจใหม่ โตก้าวกระโดดแพ็คคู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ธ.ค. 65) ราคาหุ้น บริษัท แกรททิทูด อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ GIFT ณ เวลา 10:35 น. อยู่ที่ระดับ 8.75 บาท บวก 0.95 บาท หรือ 13.18% สูงสุดที่ระดับ 9.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 68.25 ล้านบาท
นายพีรพล สุวรรณนภาศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด (มหาชน) หรือ UKEM เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2565 มีมติเห็นชอบขายหุ้นทั้งหมดที่ถือในบริษัท แกรททิทูด อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ GIFT ซึ่ง UKEM ถืออยู่ จำนวน 221,596,466 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 66.99% ของหุ้นทั้งหมดของ GIFT ในราคาหุ้นละ 1.65 บาท คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 365,634,168.90 บาท ให้แก่ผู้ซื้อ 4 ราย คือ 1. นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ จำนวน 160.60 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 48.55% จากหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
2. นายเชษฐ เชษฐโชติศักดิ์ จำนวน 26 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 7.86% จากหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
3. นายโชติ เชษฐโชติศักดิ์ จำนวน 20 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 6.05% จากหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการและ 4. พล.ต.อ. ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง (บิ๊กอ๊อด) จำนวน 15 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 4.53% จากหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ซึ่งคณะกรรมการบริษัทจะเสนอให้ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566
โดยการพิจารณาอนุมัติขายหุ้น GIFT เนื่องจากผลการดำเนินงานของ GIFT มีแนวโน้มถดถอยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เป็นไปตามที่คณะกรรมการบริษัทคาดการณ์ไว้ ดังนั้นเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการจากการลดการดำเนินงานที่ไม่เกื้อหนุนกับธุรกิจหลักของบริษัท โดยจะส่งผลให้บริษัทสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น และจากสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างรุนแรงจากการแพร่ระบาดของโควิด
นอกจากนี้ ธุรกิจจำหน่ายสารเคมีตั้งต้นสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลครัวเรือน และผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย (Chemical Ingredient) มีการแข่งขันสูง ในขณะที่ GIFT มีผลประกอบการขาดทุนในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทจึงเชื่อว่าการขายหุ้น GIFT ออกไปจะเป็นประโยชน์ในระยะยาวต่อบริษัท เนื่องจากบริษัทต้องการมุ่งมั่นทุ่มเทศักยภาพที่มีเพื่อการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจที่บริษัทมีความชำนาญ หรือมีความเกี่ยวเนื่องส่งเสริมกันกับบริษัท และบริษัทจะได้รับเงินสดจากการขายหุ้นของ GIFT และรับรู้กำไรจากการขายดังกล่าวอยู่ที่ 191.80 ล้านบาท
ด้าน นายวิรัช สุวรรณนภาศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GIFT เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2565 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 330 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.65 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 544.50 ล้านบาท เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด จำนวน 10 ราย ประกอบด้วย 1. บริษัท เชษฐโชติ โฮลดิ้งส์ จำกัด จำนวน 195 ล้านหุ้น, 2. นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ จำนวน 40 ล้านหุ้น, 3. นายเชษฐ เชษฐโชติศักดิ์ จำนวน 20 ล้านหุ้น, 4. นายโชติ เชษฐโชติศักดิ์ จำนวน 20 ล้านหุ้น, 5. พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จำนวน 15 ล้านหุ้น, 6. นางสาวกานดา สธนกุลพานิช จำนวน 15 ล้านหุ้น, 7. นายศิริชัย โตวิริยะเวช จำนวน 8 ล้านหุ้น, 8. นางสาวพรพิมล เจริญชนิกานต์ จำนวน 8 ล้านหุ้น, 9. นายอนิญช์ หวั่งหลี จำนวน 5 ล้านหุ้น และ 10. นายเอกลักษณ์ ปัทมสัตยาสนธิ 4 ล้านหุ้น ทั้งนี้ หากธุรกรรมทั้ง 2 รายการเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะส่งผลให้กลุ่ม “เชษฐโชติศักดิ์” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และอาจได้รับการเสนอชื่อให้เป็นกรรมการ หรือผู้บริหารของ GIFT
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS กล่าวชี้แจงถึงการเข้าไปลงทุนซื้อหุ้น GIFT ว่า เป็นการลงทุนตามความสนใจส่วนตัวของครอบครัว เพื่อเข้าไปพัฒนาธุรกิจเดิมของ GIFT และยังมีความประสงค์ที่จะมองหาโอกาสเพื่อขยายไปสู่สายธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพและสร้างผลกำไรที่ดีให้กับบริษัท ไม่จำกัดเพียงธุรกิจด้านการบริการและธุรกิจร้านอาหาร (Food & Beverage and services) ซึ่งสมาชิกในครอบครัวมีประสบการณ์ในการบริหารและการลงทุนในธุรกิจนี้มายาวนาน เพื่อต่อยอดธุรกิจให้กับ GIFT ในอนาคต
ทั้งนี้ นายสุรชัย ในฐานะกลุ่มถือหุ้นใหญ่กลุ่มใหม่มีความพร้อมที่จะนำ GIFT ไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้วยแรงขับเคลื่อน (Driver) จากธุรกิจใหม่ที่จะช่วยสร้างรายได้และผลกำไรของ GIFT ให้เติบโต นอกจากนี้ ด้วยความร่วมมือของพันธมิตรนักลงทุนที่เข้าลงทุนในครั้งนี้ ยิ่งจะเป็นสิ่งที่เพิ่มความเชื่อมั่นว่า GIFT จะได้รับการบริหารงานด้วยคณะกรรมการบริษัท และผู้บริหารชุดใหม่ ซึ่งมีประสบการณ์และศักยภาพสูง สามารถสร้างมูลค่าของผู้ถือหุ้นให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต และก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป
“การลงทุนใน GIFT เป็นไปตามความสนใจส่วนตัวของครอบครัวเท่านั้น ขณะที่ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ของ RS ยังคงยืนยันและให้ความมั่นใจกับนักลงทุนของ RS ในการเป็นผู้นำของ RS Group และมุ่งมั่นที่จะสานต่อโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ที่ตนเป็นผู้ริเริ่ม เพื่อสร้างการเติบโตให้กับ RS ในระยะยาว” นายสุรชัย กล่าว
อีกทั้งแหล่งข่าววงการเงิน เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ถึงกรณีนายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ (เฮียฮ้อ) พร้อมกับ พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง (บิ๊กอ๊อด) ได้ทุ่มเงินกว่า 910 ล้านบาท เทกโอเวอร์ GIFT จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ว่า เฮียฮ้อได้วางแผนเตรียมทีมบริหารชุดใหม่ที่มีความสามารถเพื่อเข้าไปฟื้นฟู GIFT พร้อมทั้งแผนธุรกิจที่น่าสนใจ เพื่อที่จะพลิกฟื้นและสร้างความแข็งแรงให้กับ GIFT โดยให้ติดตามการประกาศแผนการ Turnaround ให้กับ Gift ที่คาดว่าจะสร้างความฮือฮาในแวดวงธุรกิจ ซึ่งต้องจับตาและติดตามดูว่า ทั้ง RS GROUP และ GIFT ในมือของ “เฮียฮ้อ” จะมีทีเด็ดอะไรและจะต่อยอด สร้าง synergy เติบโตคู่กันไปอย่างก้าวกระโดด และสร้างเซอร์ไพรส์อะไรในอนาคต
“เฮียฮ้อ ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อทรานฟอร์มธุรกิจ ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ถือหุ้นใหญ่ RS GROUP ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการทรานส์ฟอร์มองค์กรและธุรกิจ จนสามารถสร้าง New S-curve ให้ RS GROUP ยกระดับสู่องค์กรที่ถูกจับตาและได้รับรางวัลทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้คำชื่นชมมากมาย จากการวางแผนปรับโครงสร้างจนทุก ๆ ธุรกิจในกลุ่ม RS GROUP มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและโดดเด่นด้วยบิสิเนสโมเดล Entertainmerce
นอกจากนี้ ปัจจุบันธุรกิจส่วนตัวกลุ่ม F&B ที่ครอบครัวเฮียฮ้อดำเนินการอยู่ ประกอบด้วย 1. เป็นเจ้าของ Brand OKONOMI ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ฟิวชั่น จากนิวยอร์ก กำลังไปได้ดีและโดดเด่นมาก 2. เป็นผู้ถือไลเซนส์ Brand ร้าน Mom’Touch ร้านเบอร์เกอร์ไก่สไตล์เกาหลี Brand อันดับ 1 จากเกาหลี (ที่มีสาขามากกว่า 1,300 สาขา ) และกำลังวางแผนจะเข้ามารุกตลาดในไทย และ 3. เป็นเจ้าของ brand Yuji Ramen แบรนด์ดัง จากบอสตัน 4. ดำเนินธุรกิจ ไลฟ์สไตล์ F&B ภายใต้ Brand BeerBerry และ Beam
ส่วน พล.ต.อ. ดร. สมยศ (บิ๊กอ๊อด) ถือได้ว่าเป็นผู้กว้างขวางทุกวงการมีคอนเนคชั่นมากมาย คาดว่าจะสามารถต่อยอด และเปิดโอกาสเชื่อมประสานให้ GIFT เข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ กับภาครัฐและเอกชน คาดว่า เครือข่ายธุรกิจ F&B เมื่อมา Synergy กับ Entertainmerce ของ RS Group น่าจะทำให้ win-win ทั้ง GIFT และ RS