WTI พุ่งกว่า 2% ทะลุ 77 เหรียญ ขานรับสต็อกน้ำมันสหรัฐลดมากกว่าคาด
ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งกว่า 2% ทะลุ 77 เหรียญ ขานรับสต็อกน้ำมันสหรัฐลดมากกว่าคาด โดย ณ เวลา 19.58 น. ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. บวก 1.64 ดอลลาร์ หรือ 2.15% สู่ระดับ 77.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(21 ธ.ค.65) สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 2% เหนือระดับ 77 ดอลลาร์ ขานรับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าคาด โดย ณ เวลา 19.58 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX บวก 1.64 ดอลลาร์ หรือ 2.15% สู่ระดับ 77.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในคืนนี้เพื่อยืนยันตัวเลขของ API นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการที่สหรัฐมีแผนที่จะซื้อน้ำมันเพื่อนำเข้าสู่คลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR)
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า ทางกระทรวงจะทำการซื้อน้ำมัน 3 ล้านบาร์เรลเพื่อนำเข้าสู่ SPR โดยน้ำมันดังกล่าวมีกำหนดส่งมอบในเดือนก.พ.2566 การซื้อน้ำมันดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกของรัฐบาลสหรัฐ หลังจากทำการระบายน้ำมัน 180 ล้านบาร์เรลจาก SPR ก่อนหน้านี้เพื่อแก้ปัญหาราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในสหรัฐ แต่ก็ทำให้สต็อกน้ำมันใน SPR แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2527
ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าจีนจะกลับมาเปิดประเทศ หลังมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยเพิ่มความต้องการใช้น้ำมัน
เจ้าชายอับดูลาซิส บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า การที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติปรับลดกำลังการผลิต ได้ปรากฏผลว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องในการรักษาเสถียรภาพของตลาดและอุตสาหกรรมน้ำมัน แม้ว่ามติดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสหรัฐและชาติตะวันตก
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ทรุดตัวลง และลดช่วงบวกที่ทำไว้นับตั้งแต่ต้นปี 2565 หลังจากที่ราคาน้ำมันพุ่งใกล้แตะ 147 ดอลลาร์/บาร์เรลในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังรัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ.
เจ้าชายบิน ซัลมานกล่าวว่า กระบวนการตัดสินใจ, ประเมินและคาดการณ์ภาวะตลาดน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัสได้ดำเนินไปโดยไม่มีปัจจัยทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และโอเปกพลัสไม่มีทางเลือก นอกจากใช้มาตรการป้องกันล่วงหน้า ท่ามกลางความไม่แน่นอนในตลาด
ทั้งนี้ โอเปกพลัสจัดการประชุมนโยบายการผลิตในวันที่ 4 ธ.ค. โดยมีมติปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นปี 2566 ท่ามกลางความไม่พอใจของสหรัฐและชาติตะวันตก ซึ่งต้องการให้มีการปรับเพิ่มกำลังการผลิต