ลมใต้ปีกกับผู้ยิ่งใหญ่

เสียงเพลงจากเบตตี้  มิดเลอร์ ที่ดังก้องกังวาฬ ในเพลงชื่อ Wind beneath my Wings

โดยเฉพาะช่วงท้ายที่มีเนื้อร้องอันน่าประทับใจที่ว่า

 “………คุณคือทุกอย่าง ทุกสิ่งที่ฉันอยากเป็น

 จึงเป็นวีรชนในใจของฉัน

 ฉันบินได้สูงกว่านกอินทรี

 เพราะคุณคือลมใต้ปีกของฉัน

 เพราะคุณคือลมใต้ปีกของฉัน

 คุณ คุณ คุณ คือลมใต้ปีกของฉัน

 บิน บิน บินไป คุณปล่อยให้ฉันบินสูงเสียดฟ้า

 ขอบคุณ ขอบคุณทุกสิ่งสำหรับเธอ ผู้ที่ยอมอยู่ใต้ปีกของฉันอย่างเงียบเชียบ…”

เนื้อเพลงตอนนี้ที่ลิโอเนล เมสซี่ผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ได้เอ่ยถึง แต่คำพูดโดยสาระสำคัญไม่แตกต่างกันคือการถ่อมตัวของผู้ยิ่งใหญ่แท้จริงเท่านั้น ที่จะเอ่ยปากออกมาได้

คำขอบคุณสำหรับคนที่ยอมตนคารวะและทำตนเป็นเครื่องมือสำหรับความยิ่งใหญ่ เสมือน กวาดิโอล กองหลังที่เด่นสุดในการแข่งขันบอลโลกชาวโครแอตพูดเอาไว้ว่า “ผมจะบอกลูกหลานว่าครั้งหนึ่งเคยเล่นตรงข้ามเมสซี่ (และเสียท่าให้เขามาแล้ว)”

แต่ในตลาดทุนนั้น คำขอบคุณสำหรับลมใต้ปีกที่เสียสละยอมถมทับตนเองให้พลีแก่ตลาดทุนให้เดินไปข้างหน้าได้ นอกเหนือจากที่ไม่เคยมีแล้วยังเพิกเฉยประดุจปลาที่ไม่เคยสำนึกบุญคุณของน้ำแม้แต่น้อย

เราจึงได้เห็นแต่คนรวยที่ในตลาดทุนนี้ สมอ้างหน้าด้านต่อความสำเร็จในตลาดว่าเกิดจากความฉลาดของตนเอง

หรือพวก  คนที่ร่ำรวยจากการเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดทุนจึงมักจะเป็นได้แค่แมงป่องที่ยกหางตนเอง อาทิปรึกษาทางการเงินหรือนักวิเคราะห์ที่อ้างตน เป็นพ่อมดทางด้านวิศวกรรมทางการเงิน และนักวิเคราะห์ที่อ้างตนเองเป็นศาสดาปลอมในการทำนายราคาหุ้นทั้งที่มักจะผิดเป็นประจำ แล้วเราก็ได้เห็นผู้จัดการกองทุนที่สุดก็ทำกำไรโดยเฉลี่ยไม่ได้สูงไปกว่ารายย่อยหรือที่เรียกกันว่า “แมงเม่า”

ข้อเท็จจริงที่ว่าตลาดทุนไม่เคยมีผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงนั้นเกิดขึ้นจากการที่มีแต่แมงป่องที่ยกหางตนเองให้สูงเข้าไว้ เกิดจากข้อสรุปของเจ้าของทฤษฎีที่ว่าด้วย “ความประพฤติที่ผิดปกติของตลาดซึ่งถูกต่อยอดในปัจจุบันด้วยทฤษฎีหงส์ดำ” อันโด่งดังของนัสซิม ทาเล็บ เกี่ยวกับความไม่สมเหตุผลของนักลงทุนในการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดทุนทั้งหลายนั่นเอง

ข้อเท็จจริง 2 ข้อนี้คือ ไม่เคยมีผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง และความไม่สมเหตุผลของนักลงทุน น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญและเป็นเสน่ห์ของตลาดทุนโดยเฉพาะในยามที่ตลาดกำลังผันผวนจนมองความชัดเจนในอนาคตได้ยากเช่นนี้