สรุปปัจจัยสำคัญตลาดทุน-การเงิน-เศรษฐกิจวันนี้

สรุปปัจจัยสำคัญตลาดทุน-การเงิน-เศรษฐกิจประจำวันที่ 24 พ.ย.58


– ปิดตลาดช่วงเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 122.60 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 122.68/70 เยน/ดอลลาร์

– ส่วนเงินยูโรเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.0646 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0640/0643 ดอลลาร์/ยูโร

– ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,384.92 ลดลง 9.30 จุด หรือ 0.67% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 32,791 ล้านบาท

– สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 210.74 ล้านบาท (SET+MAI)

 

– กระทรวงพาณิชย์ รายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศในเดือน ต.ค.58 การส่งออกมีมูลค่า 18,566 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 8.11% จากเดือน ต.ค.57 ขณะที่นำเข้ามีมูลค่า 16,465 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 18.21% จากเดือน ต.ค.58 โดยดุลการค้าเกินดุล 2,101 ล้านดอลล์ ส่งผลให้ช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.58) การส่งออกลดลง 5.32% โดยล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ยังคงยืนยันเป้าหมายการส่งออกทั้งปี 58 ไว้ที่ -3%

– สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย เดือน ต.ค.58 อยู่ที่ระดับ 84.7 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 82.8 ในเดือน ก.ย.58 โดยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมส่งสัญญาณปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน

– ที่ประชุมประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติในหลักการจัดตั้งกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อสนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดวงเงิน 10,000 ล้านบาท โดยในอีก 2 สัปดาห์จะนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ในการจัดตั้งกองทุนฯ รวมทั้งรายละเอียดของงบประมาณที่จะนำใช้จัดตั้งทุนเสนอเข้าที่ประชุม ครม.อีกครั้ง

– พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้ว 29.5 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ตอนช่วงต้นปีที่ 28.8 ล้านคน และจากปีก่อนที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาจำนวน 24.7 ล้านบาท

– นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คาดว่าทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกปี 59 จะยังคงผันผวน และมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบปี 2558 โดยราคาน้ำมันดิบดูไบคาดว่าจะอยู่ในระดับ 53-56 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

– คณะที่ปรึกษาจากกระทรวงการคลังของญี่ปุ่นแนะนำให้รัฐบาลญี่ปุ่นปรับลดค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการสังคมในปีงบประมาณ 2559 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนเศรษฐกิจในช่วง 5 ปี และแผนการฟื้นฟูการคลัง

– ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ออกมาปกป้องนโยบายการเงินของเฟดที่คงอัตราดอกเบี้ยต่ำใกล้ 0% มาเป็นเวลาเกือบ 7 ปี หรือตั้งแต่ปี 2551 โดยระบุว่าชาวอเมริกันจะย่ำแย่กว่านี้มาก หากเฟดไม่ผ่อนคลายทางการเงินในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน นางเยลเลนได้เน้นย้ำว่า หากเศรษฐกิจของประเทศมีการขยายตัว ตลาดแรงงานมีความคืบหน้าและเงินปรับตัวสู่เป้าหมายที่ 2% เฟดก็จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่จะเป็นการดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป

– นักวิเคราะห์ คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น เมื่อคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ประชุมกันในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะนับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปีของเฟด

– นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) จะคงโควต้าการผลิตน้ำมันไว้เท่าเดิมที่ 30 ล้านบาร์เรล/วัน การประชุมครั้งต่อไป ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 4 ธ.ค.นี้

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button