โบรกแนะ 6 หุ้น Outperform ตลาดSET บ่ายแกว่งแคบ ระวังแรงขาย!
SET เช้านี้รีบาวด์จำกัด แต่มีแรงขายเข้ามา โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสื่อสารอย่าง TRUE นอกจากนี้ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ตุรกี ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นเป็นปัจจัยหนุนให้หุ้นพลังงาน ส่วนตลาดภูมิภาคแกว่งทั้งในแดนบวก-ลบ บ่ายนี้ตลาดฯมีช่วงของการเทรดดิ้งในกรอบแนวรับ 1,375-1,367 แนวต้าน 1,395 จุด
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (25 พ.ย.) ปรับตัวขึ้นช่วงเปิดตลาด แต่เจอแรงขายออกมา โดยเฉพาะกลุ่มสื่อสารอย่าง TRUE ที่เริ่มกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มทุนหลังประมูลใบอนุญาต 4G ในราคาสูง แต่ยังได้หุ้นพลังช่วยพยุงตลาดเอาไว้ หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ตุรกี ส่วนตลาดภูมิภาคแกว่งทั้งในแดนบวกและลบ
นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ตลาดหุ้นไทยมีช่วงของการเทรดดิ้งในกรอบแนวรับ 1,375-1,367 แนวต้าน 1,395 จุด อีกทั้ง แสดงถึงแรงขายทำกำไรที่ค่อนข้างมาก ขณะที่ แนะนำหุ้นที่คาดว่าจะกลับมา Outperform ตลาดในช่วงนี้ เช่น KBANK-SCB-BBL-SCC-TPIPL และ TISCO
นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวน์ในกรอบจำกัดในช่วงเปิดเทรด และก็มีแรงขายเข้ามา โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสื่อสารที่เริ่มมีความกังวลอย่างหุ้นบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ที่มีการประมูลใบอนุญาต 4G ในราคาสูง ทำให้อาจจะมีผลต่อ Balance Sheet มีหนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มทุน
นอกจากนี้ จากเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ตุรกี ทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว แต่ตลาดหุ้นไทยได้ตอบรับเรื่องนี้ไปตั้งแต่เมื่อวานนี้บ้างแล้ว แต่เหตุการณ์นี้ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานได้รับอานิสงส์บวกจากราคาน้ำมันที่ขยับตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดฯจะปรับลดลงในช่วงระหว่างเทรดก็ไม่ได้เป็นการปรับตัวลงมาก แม้ว่า Sentiment โดยรวมจะไม่ดีนักก็ตาม ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ
ส่วนแนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ ตลาดหุ้นไทยมีช่วงของการเทรดดิ้งในกรอบแนวรับ 1,375-1,367 จุด ส่วนแนวต้าน 1,395 จุด โดยจะเห็นได้ว่านักลงทุนเลือกเล่นเป็นรายตัว
ด้านฝ่ายวิจัย ระบุในบทวิเคราะห์ (25 พ.ย.) ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวเป็นไปอย่างจำกัดในช่วงเปิดตลาด ขณะที่แรงขายหุ้นกลุ่มสื่อสาร และกลุ่มท่องเที่ยว อย่าง TRUE-DTAC-ADVANC-AOT-CENTEL และ MINT เป็นตัวนำการปรับลดลงของ SET ประเมินแนวรับสำคัญที่ 1,367 จุด อิงเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์
ทั้งนี้ สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย และตุรกี เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นโลกต่อเนื่อง ช่วงเช้าวันนี้ โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นที่ปรับสูงขึ้นแรงก่อนหน้านี้อย่างกลุ่มโรงแรม และกลุ่มสื่อสารที่นักลงทุนเริ่มกลับมากังวลต่อการแข่งขันประมูลคลื่น 900MHz กลางเดือน ธ.ค.นี้
สำหรับกลยุทธ์ ฝ่ายวิจัยมอง SET อยู่ในรูปแบบ Sector Rotation เหมือนเดิม โดยหุ้นที่ปรับสูงขึ้นแรงก่อนหน้านี้อย่าง AOT-CENTEL-MINT-TOP-SAWAD-MTLS และ EPG จะมีแรงขายทำกำไรเข้ามา
ขณะที่ กลุ่มหุ้นที่เป็น Laggard Plays อย่างธนาคารขนาดใหญ่ KBANK-SCB-BBL วัสดุก่อสร้าง SCC-TPIPL รวมไปถึง TISCO ที่ยังมี Valuation ถูกที่ PE ต่ำกว่า 8 เท่า และ Dividend Yield 5-6% จะยังเป็นหุ้นที่คาดว่าจะกลับมา Outperform ตลาดในช่วงนี้
บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ (25 พ.ย.) ดัชนี SET ช่วงเช้าปิดบวก ส่วนตลาดภูมิภาคกรอบแคบเต็มไปด้วยความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ ภายหลังจากที่กองทัพตุรกีได้ยิงเครื่องบินรบของรัสเซียร่วงลงบริเวณชายแดนของซีเรียเมื่อวานนี้
โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสิงคโปร์ในไตรมาส 3/2558 ขยายตัว 1.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี กระทรวงเศรษฐกิจและการค้าสิงคโปร์คาดว่า GDP ตลอดปี 2558 จะขยายตัวเกือบใกล้เคียง 2.0%
สำหรับปัจจัยในประเทศ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คงมุมมองในสัญญาณการฟื้นตัวของภาคการส่งออกไทย ว่ายังคงไม่มีภาพที่ชัดเจนมากนักในขณะนี้ การฟื้นตัวของมูลค่าการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดอยู่ในกรอบที่ค่อนข้างจำกัด ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ว่า ภาพรวมการส่งออกของไทยในปี 2558 นี้ มีความเสี่ยงที่จะติดลบมากกว่า 5.0 %
ด้านสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) คาดการใช้พลังงานปี 59 จะเพิ่มขึ้น 2.7-3.5% ตามแนวโน้ม GDP ในปี 59 ที่จะขยายตัว 3.0 – 4.0% เนื่องจากมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งราคาน้ำมันในระดับต่ำ
แนวโน้มภาคบ่ายเชิงเทคนิค ดัชนีช่วงเช้า ปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน EMA 15 วัน ที่ 1,392 แต่ไม่สามารถกลับไปยืนได้ แสดงถึงแรงขายทำกำไรที่ค่อนข้างมาก มีแนวโน้มที่ช่วงบ่าย ดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบแคบ 1,383/1,392 จุด
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 923.47 ล้านบาท ปิดที่ 8.65 บาท ลดลง 0.05 บาท
JAS มูลค่าการซื้อขาย 886.68 ล้านบาท ปิดที่ 5.00 บาท ลดลง 0.10 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 708.04 ล้านบาท ปิดที่ 48.25 บาท ลดลง 0.75 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 703.36 ล้านบาท ปิดที่ 207.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 541.69 ล้านบาท ปิดที่ 55.25 บาท ลดลง 0.25 บาท
ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์