ลุ้น! 6 แบงก์กำไร Q4 ทะลุ 4 หมื่นล้าน ชู SCB-BBL แกร่งสุด
6 ธนาคารพาณิชย์ BBL-KBANK-KTB-SCB-TISCO-TTB ไตรมาส 4/65 คาดกำไรรวมกันกว่า 4 หมื่นล้านบาท เพิ่ม 15% จับตา “ไทยพาณิชย์” กำไร 1.03 หมื่นล้านบาท โต 32% ฟาก BBL กำไร 7.9 พันล้านบาท เพิ่ม 15% ส่วน TISCO โดดเด่นเรื่องการจ่ายเงินปันผล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์เตรียมแจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 4/2565 ในสัปดาห์หน้า เริ่มจากบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO และตามด้วยหุ้นแบงก์อื่น ๆ
ล่าสุดบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ได้ออกบทวิเคราะห์ผลประกอบการธนาคารพาณิชย์ จำนวน 6 แห่ง (ไม่รวม KKP-BAY) โดยคาดการณ์ว่ากำไรรวมของกลุ่มธนาคารในไตรมาส 4/2565 จะอยู่ที่ 4 หมื่นล้านบาท ลดลง 9% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรที่ลดลงจากไตรมาสก่อน จะเป็นเพราะ OPEX เพิ่มขึ้น ตามฤดูกาลในช่วงปลายปี
อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรจะยังเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อขยายตัว ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย หรือ Net Interest Margin หรือ NIM ดีขึ้น และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss : ECL) ทยอยกลับสู่ระดับปกติ
ทั้งนี้ หากพิจารณารายธนาคาร คาดว่ากำไรสุทธิของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ในไตรมาส 4/2565 จะอยู่ที่ 7.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน และ 25% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรของ BBL ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 จะเป็นเพราะพอร์ตสินเชื่อขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งมาจากสิ้นปี 2564 ท่ามกลาง NIM ที่เพิ่มขึ้น และ ECL ที่กลับสู่ระดับปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ BBL เตรียมส่วนรองรับความเสียหายของหนี้เสียเอาไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปีค่อนข้างมากแล้ว
“แม้ว่าจะมีลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่บางรายชำระคืนหนี้ในไตรมาส 4 แต่สินเชื่อของ BBL ยังขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งที่ประมาณ 5% จากสิ้นปี 2564 ซึ่งเมื่อประกอบกับ NIM ที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย M-rate น่าจะทำให้ NII เพิ่มขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง และน่าจะมากเกินพอที่จะชดเชย OPEX ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลในไตรมาส 4” บล.กรุงศรี ระบุ
ส่วนของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ในไตรมาส 4/2565 กำไรจะอยู่ที่ 8.4 พันล้านบาท ลดลง 20% QoQ และ 15%YoY ซึ่งนอกจาก Operating Expenditures : OPEX (ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน) ที่สูงตามฤดูกาลในช่วงปลายปีแล้ว ปัจจัยสำคัญที่ฉุดกำไรในไตรมาสนี้คือ ECL ที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่ผู้บริหารมีแผนจะล้างงบดุลในไตรมาส 4 โดยคาดว่า ECL จะเพิ่มขึ้นจาก 9.6 พันล้านบาท ในไตรมาส 2/2565 และ 1.0 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 3/2565 เป็น 1.2 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 4/2565 ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักในการฉุดผลประกอบการ
ด้านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 4/2565 อยู่ที่ 7.4 พันล้านบาท ลดลง 12% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยกำไรที่ลดลงจากไตรมาสก่อนเป็นเพราะ OPEX เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล และพอร์ตสินเชื่อที่หดตัว แต่ ECL ลดลงอย่างมากจะหนุนให้กำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดย NPL ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 3.5-3.6% ในปี 2021 เหลือ 3.3% ในปีนี้
ขณะที่กำไรสุทธิของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ในไตรมาส 4/2565 จะทรงตัวจากไตรมาสก่อน แต่จะเพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน แตะระดับ 1.03 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่ากำไรจะทรงตัวจากไตรมาสก่อน เพราะมองว่า NIM ที่เพิ่มขึ้นจะหักล้างไปกับ OPEX ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลใน Q4 อย่างไรก็ตาม ECL ที่ลดลงอย่างมากจะทำให้กำไรเพิ่มขึ้นได้ต่อเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน โดยคาดว่า ECL จะลดลงจาก 1.2 หมื่นล้านบาท ใน ไตรมาส 4/2564 เป็น 8 พันล้านบาท ในไตรมาส 4/2565
ขณะที่ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO อาจดูน่าสนใจในแง่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล แต่อาจจะไม่น่าตื่นเต้นในแง่การเติบโตของกำไรในไตรมาส 4/2565 เมื่อเทียบทั้งจากไตรมาสก่อน และเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน โดยคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยประมาณ 0-1% หรือจาก 1,791 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2564 เป็น 1,796 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2565 โดย TISCO จะได้แรงส่งจากกลยุทธ์การขยายสินเชื่อเชิงรุกในปี 2565 สะท้อนจากพอร์ตสินเชื่อ ของ TISCO เติบโตอย่างแข็งแกร่ง 0.9% จากเดือนก่อนหรือในเดือนพฤศจิกายน และ 7.4% จากสิ้นปี 2564 อย่างไรก็ตามสินเชื่อที่ขยายตัวแข็งแกร่งจะหักล้างไปกับ NIM ที่ลดลง และ OPEX ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล
ธนาคารทหารไทยธนชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ TTB กำไรจะลดลง 22% จากไตรมาสก่อน แต่จะเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 2.9 พันล้านบาท ในตามาส 4/2565 โดยนอกจากจะถูกกดดันจาก OPEX ที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ตามฤดูกาลแล้ว TTB ยังถูกกดดันจาก LDR และ NIM ที่ลดลงด้วย อย่างไรก็ตามกำไรของ TTB น่าจะยังเพิ่มขึ้นได้จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก ECL กลับสู่ระดับปกติ โดยคาดว่า ECL จะลดลงจาก 5 พันล้านบาท ในไตรมาส 4/2564 เหลือ 4.4 พันล้านบาท ในไตรมาส 4/2565
ทั้งนี้ คงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารที่ Overweight โดยเลือก SCB ราคา เป้าหมาย 155 บาท และ BBL ราคาเป้าหมาย 180 บาท เป็นหุ้นเด่น
สำหรับกลุ่มธนาคารจะได้อานิสงส์จากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนมากขึ้นในปี 2566 ซึ่งจะทำให้อุปสงค์สินเชื่อแข็งแกร่งขึ้น NIM ฟื้นตัวต่อ และคุณภาพสินทรัพย์มีแนวโน้มดีขึ้น