4 แบงก์ใหญ่วิ่งคึก! เก็งกำไร “ฟันด์โฟลว์” ไหลเข้า-ต่ำบุ๊ก
4 แบงก์ใหญ่วิ่งคึก! เก็งกำไร “ฟันด์โฟลว์” ไหลเข้า-ราคาต่ำบุ๊ก พร้อมลุ้นผลงานไตรมาส 4/65 โตแกร่ง จากสำรองฯลด-NIM เพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(5 ม.ค.66) 4 หุ้นแบงก์ขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นแรงนำโดย KTB,KBANK,SCB และ BBL โดยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ณ เวลา 10.40 น. อยู่ที่ระดับ 18.20 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 3.41% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 995 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีที่ระดับ 25.89 บาท
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ณ เวลา 10.50 น. อยู่ที่ระดับ 153.50 บาท บวก 2.00 บาท หรือ 1.32% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.56 พันล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีที่ระดับ 211.13 บาท
ด้านธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ณ เวลา 10.52 น. อยู่ที่ระดับ 111.50 บาท บวก 2.50 บาท หรือ 2.29% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.24 พันล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีที่ระดับ 135.76 ล้านบาท
ส่วนธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ณ เวลา 10.53 น. อยู่ที่ระดับ 155.00 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 0.98% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 600.26 พันล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีที่ระดับ 267.22 บาท
บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ดัชนีฯเริ่มลงมาสู่โซนการซื้อที่ระดับ 1,650-1,660 จุด (ไม่รวมผลของ DELTA ที่มีผลต่อดัชนีฯ ช่วง 2 วันที่ผ่านมาที่มีผล 8 จุด) โดยแนะหุ้นที่เล่นรับฟันด์โฟลว์(Flow) กลับเข้าตลาดจะเป็นกลุ่มธนาคาร (BBL, KBANK),CPALL,DVANC หรือหุ้นขนาดใหญ่อื่นๆ ที่ราคายังขึ้นไม่มาก
นอกจากนี้ยังคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารเป็น “มากกว่าตลาด” โดยเราคาดกำไรสุทธิรวมไตรมาส 4/65 ของกลุ่มธนาคารจะอยู่ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง -7% เทียบไตรมาสก่อนหน้า โดยการเพิ่มขึ้น เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เกิดจากการตั้งสารองฯที่ลดลง เนื่องจากช่วงไตรมาส 4/64 มีการตั้งสารองฯในระดับสูง และ NIM ในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ส่วนการลดลง เทียบไตรมาสก่อนหน้า เกิดจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล
ส่วน NPL รวมในไตรมาส 4/65 มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.01% จากไตรมาส 3/65 ที่ 2.92% ซึ่งเป็นการทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป คาดว่ากำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารจะยังเติบโตได้ต่อในปี 66 ที่ 8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะแนวโน้มสำรองฯที่ลดลง ประกอบกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นจะช่วยให้ NIM ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้ รวมถึงการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบจะช่วยให้สินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมกลับมาฟื้นตัวได้ดี
ด้านแนวโน้ม NPL จะไม่ปรับตัวเร่งขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่จะเป็นรูปแบบค่อยๆทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่คาดว่า NPLs จะทยอยเร่งตัวเพิ่มขึ้นในปี 66 อยู่ที่ 3.26% จากปี 65 ที่ 3.01% ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารเคลื่อนไหว in line กับ SET ใน 3 เดือน โดยยังคงน้าหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด” เพราะ valuation ยังถูก เทรดที่ระดับเพียง 0.70x PBV (-1.0SD below 10-yr average PBV)
ด้าน NPL แม้ว่าจะยังอยู่ในขาขึ้น แต่เป็นการทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยชอบกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่มากกว่าธนาคารขนาดเล็กเนื่องจากได้ประโยชน์จากแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น โดยชอบ KTB (ซื้อเป้า 20.00 บาท) เพราะ Valuation ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับต่ำเพียง PBV ที่ 0.69x หรือที่ระดับ -0.75SD ย้อนหลัง 10 ปี ขณะที่มี upside เพิ่มจากแอฟเป๋าตัง และชอบ BBL (ซื้อเป้า 170.00 บาท) เพราะเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น และ Valuation ยังน่าสนใจโดยเทรดที่ PBV เพียง 0.54x หรือที่ระดับ -1.25SD ย้อนหลัง 10 ปี