พาราสาวะถี
เมื่อข่าวยืนยันชัดแล้วว่าผู้นำเผด็จการจะไปสมัครและเปิดตัวด้วยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยจัดพิธีกรรมกันที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ตรวจสอบสภาพการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ล่มรับปีใหม่ ทั้งที่เป็นการประชุมนัดแรกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่านี่คือสัญญาณแรงกดดันที่กระเพื่อมไปยังผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ อันจะส่งผลต่อการตัดสินใจยุบสภาเร็วขึ้น ซึ่งว่ากันตามความเป็นจริงภายใต้บรรยากาศแบบนี้ไม่ใช่เพราะฝ่ายค้านเล่นเกมการเมือง เป็นเรื่องของฝ่ายรัฐบาลด้วยกันเองที่แสดงออกว่าไม่อยากจะไปต่อร่วมกันแล้ว หากยึดมั่นในระบบและเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งจริง เกิดปัญหาเช่นนี้มีแค่ 2 แนวทางสำหรับคนเป็นผู้นำต้องตัดสินใจคือ ลาออกหรือยุบสภา
เมื่อข่าวยืนยันชัดแล้วว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะไปสมัครและเปิดตัวด้วยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยจัดพิธีกรรมกันที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในวันจันทร์ที่ 9 มกราคมนี้ เวลาห้าโมงเย็น มันน่าจะส่งผลถึงจำนวน ส.ส.ของซีกรัฐบาลที่น่าจะมีการลาออกเพิ่มขึ้น อย่างน้อยก็ ส.ส.ภาคใต้และ กทม.ของพรรคสืบทอดอำนาจที่ตัดสินใจแล้วว่าจะตามก้นผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ โดยตามรายงานระบุว่าจะไขก๊อกกันวันเสาร์นี้แล้วไปสมัครเป็นสมาชิกของพรรคท่านผู้นำในวันเดียวกัน
แน่นอนว่า การจัดอีเวนต์เพื่อเปิดตัวผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจกับการสมัครเป็นสมาชิกพรรคให้เกิดภาพยิ่งใหญ่ขนาดนี้ จะไปแบบโดดเดี่ยวมันไม่น่าสมราคา อย่างน้อยในวันแรกที่จะเดินบนถนนสายการเมืองด้วยตัวเองแบบเต็มตัว ก็ควรจะมี ส.ส.ที่เป็นพวกระดับบิ๊กเนม พวกที่จัดได้ว่าเป็นประเภทนอนมาได้รับเลือกตั้งชัวร์มาแสดงเจตจำนงในการจะร่วมเดินทางไปด้วยกันอย่างน้อย 20 คนขึ้นไป ถ้าน้อยกว่านี้แสดงให้เห็นว่าอนาคตของรวมไทยสร้างชาติกับการส่งผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอยู่ยาวในเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไม่น่าจะสดใส
สำหรับรัฐมนตรีสายตรงคนที่จะช่วยให้มีเก้าอี้ ส.ส.ในมือให้อุ่นใจคงมองเห็นเพียงรายของ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเพียงรายเดียว กับตำแหน่ง ส.ส.เขตของคนในตระกูลที่จังหวัดสิงห์บุรี อันจะเห็นได้จากการลงพื้นที่ถี่ยิบของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ที่หนก่อนไปลุยพื้นที่ตรวจน้ำท่วม วันนี้ก็จะลงไปอีกครั้งทำกิจกรรมร่วมกับเกษตรกรที่นั่น แต่จำนวน ส.ส.เท่านี้มันไม่เพียงพอต่อการการันตีสิทธิ์การเสนอเชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ต่อที่ประชุมรัฐสภา
ความหวังต่อเก้าอี้ ส.ส.ในภาคใต้และกทม. ถ้าเป็นคนเดิมที่ดึงตัวมาจากพรรคสืบทอดอำนาจก็ยังไม่ชัวร์ว่าจะได้กลับเข้าสู่สภาอีกหรือไม่ ส่วนพื้นที่ความหวังทางภาคตะวันออกภายใต้การกุมบังเหียนของ สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีแรงงาน แค่เจอด่านหินบ้านใหญ่ที่ชลบุรีก็บักโกรกแล้ว ส่วนพื้นที่จันทบุรีและตราดก็มีกระดูกชิ้นโตขวางทางอยู่ ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลในซีกฝ่ายค้าน หรือแม้แต่ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างประชาธิปัตย์ก็มีโอกาสเบียดแทรกเข้ามาได้
ขณะที่รัฐมนตรีคนโปรด ธนกร วังบุญคงชนะ เป็นได้แค่มือไม้ที่จะคอยโพนทะนา ช่วยทำไอโอสร้างภาพความเห็นคนดีที่ไม่แปดเปื้อนให้กับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเท่านั้น จะหวังผลต่อการขยายฐานเสียงภาพกว้างในสนามเลือกตั้งคงยาก แม้กระทั่งภาคใต้ที่เป็นบ้านเกิดของรัฐมนตรีรายนี้ก็ตาม เว้นเสียแต่ว่าจะอัดโปรโมชั่น บรรจุกระสุนดินดำให้เป็นตัวแทนเพื่อสร้างพลังดูดชนิดที่ไม่เคยทำมาก่อนนั่นก็อีกเรื่อง แต่คงจะเป็นไปได้ยาก
เวลานี้สิ่งที่นักเลือกตั้งจับตามองความแตกต่างระหว่างพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. กับน้องเล็ก คือ ภาระที่แบกรับกับผลของการเลือกตั้งครั้งหน้า ดูเหมือนว่าพี่ใหญ่จะตัวเบามากกว่าเพราะไม่มีเดิมพันที่จะต้องกลับมาเป็นนายกฯ เท่านั้น มีการแบะท่าพร้อมร่วมสังฆกรรมได้กับทุกพรรคการเมือง ส่วนน้องเล็กถ้าหลุดไปจากที่หวังคงไม่สามารถที่จะทำใจยอมรับบทพระรองเป็นแน่ เรื่องที่เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติประกาศพร้อมจับมือกับทุกพรรคร่วมตั้งรัฐบาลมันก็แค่ลูกไม้ตื้น ๆ ที่ฝ่ายตรงข้ามอ่านเกมออก
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดจากอาจารย์ใหญ่ของภูมิใจไทยอย่าง เนวิน ชิดชอบ กับการไม่มีมิตรถาวรทางการเมืองพร้อมร่วมงานกับเพื่อไทย การโยนหินถามทางหรือเกมไอโอของเลขาธิการพรรคผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ หรือข่าวปูดข่าวปล่อยเรื่องขั้วรัฐบาลหน้า เพื่อไทย ภูมิใจไทย พรรคสืบทอดอำนาจ ล้วนแต่มาจากฝ่ายที่ต้องการสกัดแลนด์สไลด์ตามสโลแกนของพรรคนายใหญ่ทั้งนั้น เพราะจับสัญญาณอ่านกระแสยังไง “เขามาแน่” อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากความเบื่อหน่ายผู้นำแปดเปื้อนและพวกหน้ากากคนดี
การที่ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและอีกหลายคนในพรรค พากันประกาศพรรคไม่จับมือกับพรรคการเมืองใดทั้งสิ้นก่อนการเลือกตั้ง ถือเป็นการยืนยันเป้าประสงค์แลนด์สไลด์เพื่อล้มอำนาจเผด็จการสืบทอดอำนาจ อย่างน้อยก็เพื่อให้กองเชียร์ที่ตัดสินใจไว้แล้วไม่เปลี่ยนใจ ขณะเดียวกันก็เตรียมที่จะคลอดนโยบาย แสดงวิสัยทัศน์ที่เหนือกว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและขบวนการสืบทอดอำนาจ ซึ่งก็สะดุดตากันมาบ้างแล้วกับป้ายที่ติดไปทั่วประเทศช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
ส่วนปัจจัยชี้วัดว่าด้วยแคนดิเดตนายกฯ นั้น การย้ำว่าเพื่อไทยส่ง 3 รายชื่อเต็มอัตราที่กฎหมายกำหนด ย่อมเป็นทางเลือกที่เหนือคู่แข่งซึ่งส่วนใหญ่จะเสนอแค่คนเดียว ถ้า “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร คือตัวหลอก เศรษฐา ทวีสิน คือตัวความหวัง รายชื่อที่สามอาจเป็นม้ามืดที่สร้างความฮือฮาและทำให้ฝ่ายคู่แข่งแทบจะต้องยอมยกธงกันเลยทีเดียว หรืออาจจะเป็นแค่ตัวเสริมที่มีดีกรีพร้อมรองรับการเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกรณีที่สองคนแรกอาจถูกเล่นงานด้วยวิชามารเรื่องหนึ่งเรื่องใด
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการอ่านกันบนหน้าเสื่อที่เห็นและเป็นไปในเวลานี้ บรรดาพรรคตัวเต็งทั้งหลายคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะในแง่ของบรรดาผู้สมัครรอเพียงการประกาศความชัดเจนเรื่องเขตเลือกตั้งจาก กกต.เท่านั้น จึงจะวางตัวคนให้ตรงกับความต้องการของคนในพื้นที่ ส่วนพวกที่มีหัวโขน ส.ส.ที่จะเข้าไปเติมเต็มความฝันให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอยู่ยาว อาจจะเหลือพวกที่กบดานอยู่บ้าง จะแสดงตัวทันทีเมื่อมีการประกาศยุบสภา ไม่น่าจะเกินกลางเดือนนี้ภาพการเมืองของทุกพรรคน่าจะเห็นความชัดเจน