สัญญาณบวก ที่ขอบฟ้ายามอรุณรุ่ง

ในยามเศรษฐกิจโลกย่ำแย่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เพลงของป้าเบิร์ด ที่ว่า “ฝนตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้” อาจจะสะท้อนภาพเหตุการณ์ร้ายที่ส่งผลกระทบเชิงลบของเศรษฐกิจ


ในยามเศรษฐกิจโลกย่ำแย่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เพลงของป้าเบิร์ด แมคอินไตย์ ที่ว่า “ฝนตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ อาจจะสะท้อนภาพเหตุการณ์ร้ายที่ส่งผลกระทบเชิงลบของเศรษฐกิจที่มีผลพวงจากกระแสโลกาภิวัตน์ได้ดียิ่งนัก แต่ท่ามกลางข่าวสารและข้อมูลเชิงลบต่อเนื่องจนตลาดเก็งกำไรทั้งหลาย (รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย) พากันหวั่นไหวสั่นสะท้านถึงจุดต่ำสุดที่ก้นเหวซึ่งดูเหมือนจะไร้ก้นมาตลอด 3 ปี นั้น ก็เรื่องมีสัญญาณที่เป็นบวกส่งเข้ามาที่เส้นขอบฟ้าทางที่เรียกขานกันว่า ทิศตะวันออกของสวนอีเดนนั่นแหละ

สำหรับสัญญาณบวกที่้เส้นขอบฟ้าดังกล่าวบอกให้รู้ว่า เวลาของวิกฤตที่เกิดขึ้นมาในช่วง 3 ปีนี้ กำลังเริ่มหมดฤทธิ์ที่จะอาละวาดแล้ว และตลาดทุนที่เคยเลวร้ายจากภาวะขายทิ้งในลักษณะ “ตื่นตระหนกขาย” หรือ panic selling แบบกระต่ายตื่นตูมที่วิ่งชนอะไรต่อมิอะไร อย่างไม่สนใจ รู้แต่ว่าขายออกไปทุกราคา ทั้งที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้นแม้จะแพร่กระจายโรคได้รวดเร็วแต่จำนวนยอดคนป่วยที่เสียชีวิตต่ำกว่า 2% ด้วยซ้ำ ทำให้การประเมินเชิงลบของสำนักต่าง ๆกลายเป็นองค์ความรู้แบบ ศรีธนญชัยไปได้เลยชัย

ทั้งนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดมีความเห็นตรงกันว่าควรจะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย เพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ

แม้สัญญาณบวกที่เพิ่งโผล่ขึ้นมายามอรุณรุ่งจะยังพร่ามัวและไม่แจ่มชัด แต่ก็ถือเป็นลางดีที่ชวนให้เริ่มต้นซื้อหุ้นหรือหลักทรัพย์เพื่อเก็บเข้าถือในพอร์ตการลงทุนได้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากตลาดยังคงมีปัจจัยลบอยู่อีกเพียบ

ล่าสุดหุ้นหรือหลักทรัพย์ในกลุ่มการเงินหรือสถาบันการเงินที่ร่วงลงมาสวนทางกับผลประกอบการที่เริ่มเป็นขาขึ้นระลอกใหม่จากการที่ราคาซื้อขายต่ำเกินไปมานานแล้ว

มาตรการตรวจสอบที่ส่งผลให้เกิดการตีความในเชิงบวกออกมาต่อเนื่องที่สะท้อนว่าหุ้นหลายกลุ่ม ที่เกี่ยวเนื่องกับการสาธารณสุข หรือสุขภาพของผู้คนเริ่มขยับตัวเคลื่อนตัวย้ายที่จากเขตปิดเป็นเขตเปิดมากขึ้น การผ่อนคลายมาตรการจากขั้นตอนล็อกดาวน์เริ่มลดความเข้มข้นลง แม้จะเป็นการเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปว่าเราได้ก้าวข้ามก้นเหวอันดำมืดมาได้แล้ว

ท่าทีล่าสุดของเฟดที่ส่งสัญญาณบวกชัดเจนว่ามาตรการควบคุมเงินเฟ้ออาจจะไม่เข้มข้นเท่ากับคำประกาศหรือการคาดเดาก่อนหน้า ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.28% แตะที่ 96.27 ในวันพุธ ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนและขานรับการชะลอปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ส่งอิทธิพลถึงตลาดหุ้นและตลาดเงินทางบวกชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นในยุโรปและเอเชียระยะกลางและระยะยาว ดัชนีตลาดหุ้นแดกซ์ (DAX) ของเยอรมนีที่กลับมาเกือบใกล้เคียงกับจุด สูงสุดก่อนที่โควิดจะพากันถล่มลงมา ก็สะท้อนภาพล่วงหน้าของสัญญาณบวกชัดเจนมากขึ้น แม้ว่าสัญญาณตลาดหุ้นจะกลับเป็นขาขึ้นระลอกใหม่ยังไม่โผล่มาก็ตาม

ภาวะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลหรือคริปโตที่เคยมีคนบอกว่าจะถล่มจากฟองสบู่ ล่าสุดยืนยันโดยราคาของบิตคอยน์ซึ่งยืนยันว่าพบฐานที่แท้จริงแถว 19,000 ดอลลาร์ และจะไม่ลงต่ำกว่าระดับนี้แล้ว

แล้วตลาดหุ้นในจีนก็ยังคงไม่พบปัญหาอสังหาริมทรัพย์จะเกิดอาการฟองสบู่แตกที่ระดับดัชนีตลาดเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต แถวเหนือระดับ 3,100 จุดโดยวานนี้ ดัชนีเปิดบวก 9.24 จุด เพราะนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยไฉซินจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ

อย่างไรก็ดีท่าทีจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในรายงานการประชุมซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดมีความเห็นตรงกันว่าควรจะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย เพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจส่งผลดีที่สะท้อนว่าการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องรุนแรงที่คาดเดาว่าอาจจะทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดทะลุไปถึง 6.50-6.0% กลายเป็นแค่การคาดเดาที่เกินจริง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ และดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกขานรับแรงซื้อที่กลับเข้ามาชั่วคราว แม้อาจจะเร็วเกินที่จะสรุปว่าตลาดหุ้นพ้นอุปสรรคแล้ว แต่แค่ไม่ลงไปหาจุดต่ำสุดก็เป็นข่าวดีแล้ว

สัญญาณบวกที่เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้านี้ จะช่วยให้การขายแบบเทกระจาดไม่เกิดขึ้นบ่าย ๆ อีกต่อไป

ข่าวดีที่มาเร็วกว่าคาดเยอะเกิน แบบนี้ ใครอยากทิ้งหุ้นขอเชิญตามสบายใจ

Back to top button