‘เชฎฐ์ เอเชีย’ บริหารหนี้ครบวงจร..สู่บริษัทมหาชน

‘เชฎฐ์ เอเชีย’ บริหารหนี้ครบวงจร..สู่บริษัทมหาชน


บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หนึ่งในบริษัทที่ให้บริการบริหารหนี้สินครบวงจร ที่เน้นให้คำปรึกษาและให้ความรู้คู่วินัยการบริหารหนี้ เพื่อสร้างโอกาสปลดเปลื้องภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ ทั้งการให้บริการติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สิน และบริหารจัดการสินทรัพย์จากการรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ทั้งแบบที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน เพื่อนำมาบริหารเพื่อช่วยลดปริมาณหนี้เสียในระบบสถาบันการเงินไทย จึงกล่าวได้ว่าเป็นช่องทางสำหรับสถาบันการเงินในการปรับโครงสร้างทางการเงิน และช่วยให้ลูกหนี้ได้บริหารจัดการและปลดภาระหนี้สินได้อย่างเหมาะสม

ปัจจุบันเชฎฐ์ เอเชีย มี ประชา ชัยสุวรรณ” เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ถือเป็นผู้คลุกคลีวงการบริหารหนี้มานานกว่า 30 ปี ทั้งนี้ ประชา” ดำรงตำแหน่งเป็นนายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้สถาบันการเงินอีกด้วย และมีทีมบริหารที่มีประสบการณ์และทีมงานภายในครบวงจร ทั้งทีมกฎหมายที่ทำหน้าที่ติดตามและบริหารหนี้กว่า 400 คน จึงทำให้คุมการบริหารจัดการและต้นทุนอย่างเบ็ดเสร็จ โดยมีธุรกิจหลัก ได้แก่ 1) บริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากการรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงิน 2) ให้บริการติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สิน

ภายใต้กลยุทธ์สร้างการเติบโตแบบยั่งยืน ได้แก่…

ขยายพอร์ตเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยตั้งเป้าหมายเข้าซื้อพอร์ตเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพปีละ 1,000 ล้านบาท

ขยายทีมติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สิน เพื่อรองรับอุปสงค์งานด้านการติดตามทวงถามหนี้ที่มีเพิ่มมากขึ้น

เพิ่มโอกาสการเข้าถึงพอร์ตลงทุนระยะยาว

เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและเพิ่มช่องทางการสื่อสาร ผ่านช่องทาง Online และพัฒนา Mobile Application ของบริษัทเพื่อให้ลูกหนี้สามารถมอนิเตอร์การจัดการหนี้สินได้เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มศักยภาพของพนักงานติดตามทวงถามหนี้ เพื่อติดตามและรับชำระหนี้จากลูกหนี้รวดเร็วยิ่งขึ้น

อีกหนึ่งจุดเด่นของ เชฎฐ์ เอเชีย คือเป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการจัดการหนี้สินครบวงจร โดยบริษัทสามารถให้บริการตั้งแต่รับติดตามหนี้ที่ยังไม่ถูกจัดชั้นด้อยคุณภาพ ช่วยลดภาระการดำเนินงานให้แก่คู่ค้าในการติดตามและสามารถใช้เวลาในการดำเนินธุรกิจหลักของคู่ค้าได้อย่างเต็มที่ ตลอดจนกรณีลูกหนี้ดังกล่าวเปลี่ยนสถานะเป็นลูกหนี้ด้อยคุณภาพ บริษัทสามารถรับโอนลูกหนี้ดังกล่าวมาบริหารจัดการต่อ จึงช่วยลดระยะเวลาและขั้นตอนกระบวนการตามหาและทำความรู้จักลูกหนี้ ทำให้การเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการดูแลดังกล่าว สามารถดำเนินงานได้อย่างไร้รอยต่อ บริษัทมีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมายาวนาน จากประสบการณ์ในการให้บริการเจรจาเร่งรัดหนี้สินมานานกว่า 20 ปี ทำให้บริษัทมีพนักงานที่มีความชำนาญในขั้นตอน และวิธีการติดตามทวงถามหนี้เป็นอย่างดี และมีความรู้ความเข้าใจในกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสถาบันการเงินมาอย่างยาวนาน และมีความเข้าใจลักษณะพอร์ตเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่สถาบันการเงินแต่ละรายนำออกมาจำหน่าย ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถกำหนดราคาซื้อและเลือกซื้อพอร์ตมาบริหารได้อย่างเหมาะสม

ส่วนผลดำเนินงาน “เชฎฐ์ เอเชีย” ปี 2562 มีรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าบริการและค่าวิชาชีพรวม 635.7 ล้านบาท ปี 2563 อยู่ที่ 730.2 ล้านบาท ปี 2564 อยู่ที่ 781.1 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 10.8% โดยปี 2562 มีอัตรากำไรสุทธิ 25.4% ปี 2563 อยู่ที่ 23.4% ปี 2564 อยู่ที่ 34.5% ส่วนฐานะการเงินปี 2562 มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 1 เท่า ปี 2563 ที่ 0.71 เท่า ปี 2564 ที่ 0.31 เท่า..สะท้อนโอกาสการกู้ยืมเงินเพิ่มขึ้น เพื่อนำไปสู่การขยายธุรกิจในอนาคต

ทำให้ เชฎฐ์ เอเชีย” เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการบริหารสินทรัพย์ที่มีการเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่มีชื่อเสียงเป็นพันธมิตรทางธุรกิจสำคัญ นั่นคือบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS

โดยปี 2564 บริษัท อาร์ อัลไลแอนซ์ จำกัด (บริษัทย่อย RS) เข้าซื้อหุ้น “เชฎฐ์ เอเชีย” สัดส่วน 35% จากผู้ถือหุ้นเดิม โดย เฮียฮ้อ” สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RS กล่าวถึงเหตุผลการเข้าลงทุนว่า เชฎฐ์ เอเชีย เป็นบริษัทบริหารหนี้แบบครบวงจรชั้นนำแห่งหนึ่งของไทย นอกจากนี้แนวโน้มเศรษฐกิจปัจจุบันจำนวนหนี้ด้อยคุณภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยปี 2564 มูลค่าพอร์ตสินทรัพย์ด้อยคุณภาพตามสิทธิเรียกร้องมีกว่า 22,000 ล้านบาท อีกทั้งมีหนี้ที่ให้บริการติดตามทวงถาม ณ สิ้นสุด 31 ธ.ค. 2564 มากกว่า 19,000 ล้านบาท ลูกค้าหลักได้แก่ กลุ่มลูกค้าสถาบันการเงินชั้นนำของไทย ดังนั้นด้วยกลยุทธ์และโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง ประกอบกับการทำงานเพื่อการช่วยลูกหนี้ในการบริหารจัดการและปลดภาระหนี้สินอย่างเหมาะสม จะส่งผลให้เติบโตได้อีกมาก”

ล่าสุด เชฎฐ์ เอเชีย” กำลังเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 562 ล้านหุ้น ช่วงปี 2566 นับเป็นอีกก้าวสำคัญกับการสร้างความแข็งแกร่ง เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ สร้างโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนต่อ

Back to top button