‘เฟด’ จะไปต่อหรือพอแค่นี้
แม้ว่าเมื่อวานนี้หุ้นเอเชียกลับมาดีดตัวสูงสุดรอบ 7 เดือนอีกครั้ง เพราะตลาดฮ่องกงกลับมาเทรดกันใหม่ หลังจากที่หยุดตรุษจีนไปสามวัน
แม้ว่าเมื่อวานนี้หุ้นเอเชียกลับมาดีดตัวสูงสุดรอบ 7 เดือนอีกครั้ง เพราะตลาดฮ่องกงกลับมาเทรดกันใหม่ หลังจากที่หยุดตรุษจีนไปสามวัน แต่การซื้อขายก็ค่อนข้างเบาบางเพราะตลาดออสเตรเลียหยุดและหลาย ๆ ตลาดในเอเชีย รวมถึงจีนยังคงฉลองตรุษจีนกันไม่เลิก ในขณะเดียวกันสัปดาห์หน้า จะมีการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า การตัดสินใจใด ๆ ของเฟด จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดทั่วโลกเสมอ
เฟดจะประชุมนัดปฐมฤกษ์ของปีนี้ในวันที่ 31 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ ท่ามกลางการคาดการณ์กันว่า เฟดและธนาคารกลางอื่น ๆ อาจจะหยุดดำเนินนโยบายเงินที่แข็งกร้าวและเปลี่ยนไปดำเนินนโยบายเงินผ่อนคลายในที่สุด เนื่องจากผลจากการใช้ยาแรงคุมเงินเฟ้อในปีที่ผ่านมา เริ่มสร้างความไม่แน่นอน และหลายไตรมาส เริ่มมีอุปสงค์ลดลง
การคาดการณ์เช่นนี้มีเหตุผลมากขึ้นหลังจากที่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ธนาคารกลางแคนาดาเป็นธนาคารกลางใหญ่รายแรกที่ออกมาส่งสัญญาณว่าน่าจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยอีก
ขณะนี้มีความเห็นจากหลาย ๆ ฝ่าย เฟดน่าจะลดอัตราการขึ้นดอกเบี้ยจาก 0.50% เหลือ 0.25% และในขณะนี้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่า 5% และจะลดดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง โดยการคาดการณ์เหล่านี้ได้รับอิทธิพลจากข้อมูลที่ชี้ว่า เงินเฟ้อไม่เพียงแต่ได้พุ่งสูงสุดแล้ว แต่ยังลดลงอย่างรุนแรงมากกว่าที่คิดเอาไว้
ข้อมูลของกระทรวงแรงงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 12 มกราคมชี้ว่า เงินเฟ้อสหรัฐฯ ในช่วงปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 6.5% หลังจากที่พุ่งไปถึง 7.1% ในปีก่อนหน้า ถึงแม้ว่าเงินเฟ้ออาจจะกำลังลดลงอย่างฮวบฮาบ แต่ก็เชื่อว่าไม่น่าที่จะลดลงไปอยู่ที่ 2% ตามเป้าที่เฟดต้องการได้ในเวลาที่เหมาะสม
ในขณะนี้นักวิเคราะห์ยังมีความเห็นไม่ตรงกันว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะถดถอย หรือชะลอตัวลง หรือเกิดภาวะ stagflation (การเติบโตต่ำแต่เงินเฟ้อสูง) เนื่องจากว่า แม้จะมีบริษัทหลายแห่งประกาศลดพนักงานในช่วงต้นปีนี้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเทคโนโลยี แต่ถ้าดูข้อมูลเกี่ยวกับตลาดแรงงานสหรัฐฯ ก็ยังคงแข็งแกร่งและอัตราการว่างงานยังต่ำกว่าปกติ ซึ่งควรช่วยหนุนการบริโภคได้
แนวโน้มที่เฟดมีสิทธิ์จะลดความแข็งกร้าวในการขึ้นดอกเบี้ยได้ทำให้มีการคาดการณ์ใหม่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงอย่างนุ่มนวล และทำให้ภาวะตลาดการเงินมีความผ่อนคลายกว่าที่คาด
แม้ว่าภาวะการเงินจะตึงตัวมากในช่วงเดือน มิถุนายนถึงกลางเดือน ตุลาคมปีที่แล้ว แต่หลังจากนั้นมาก็เกิดความผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นในช่วงครึ่งแรกของเดือน มกราคมก่อนที่จะอ่อนตัวลงบ้าง ขณะเดียวกันผลตอบแทนพันธบัตรลดลง ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง และแม้แต่บิตคอยน์ ก็เด้งกลับ
แม้เฟดได้คาดการณ์เศรษฐกิจเมื่อเดือน ธันวาคมปีที่แล้ว ว่า ดอกเบี้ยมาตรฐานจะสูงกว่า 5% และจะไม่ลดลงจากระดับนั้นตลอดปีนี้และอาจจะอยู่ที่ระดับนั้นยาวไปถึงไตรมาสหนึ่งหรือสองของปีหน้า แต่ถ้าดูจาก เครื่องมือ FedWatch ของ CME ในขณะนี้ มีโอกาสถึง 98.1% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% และมีความเป็นไปได้แค่ 1.9% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% นอกจากนี้ยังมีเสียงลือออกมาผสมโรงว่า ในขณะนี้คณะกรรมการนโยบายเงินของเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนให้ขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% มากกว่าสนับสนุนให้ขึ้น 0.50%
เฟดจะ “ไปต่อ” หรือ “พอแค่นี้”… พุธหน้าคงได้รู้กัน !