KBANK แจง “แบ่งรับแบ่งสู้” ดีลขาย บลจ.กสิกรไทย
KBANK แจง “แบ่งรับแบ่งสู้” ดีลขาย “บลจ.กสิกรไทย” ให้ “กลุ่มอมุนดิ” กองทุนยักษ์ใหญ่ของยุโรป สัดส่วน 49% มูลค่า 3 หมื่นล้าน โดยย้ำธนาคารยังแสวงหาโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติมเพื่อสร้างประโยชน์ต่อลูกค้า และผู้ถือหุ้นในทุกธุรกิจของธนาคาร รวมถึงธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่เป็นหนึ่งในธุรกิจที่สำคัญของธนาคาร
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ฯเรื่องกระแสข่าวเกี่ยวกับธนาคารกำลังพิจารณาทบทวนแผนกลยุทธ์ที่มีต่อธุรกิจของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด หรือ KAsset ตามที่มีข่าวว่า ธนาคารแสวงหาโอกาสทางธุรกิจและแนวทางเพิ่มเติมที่จะสร้างประโยชน์ต่อลูกค้า และผู้ถือหุ้นในทุกธุรกิจของธนาคารรวมถึงธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่เป็นหนึ่งในธุรกิจที่สำคัญของธนาคาร
ทั้งนี้ในแนวปฏิบัติดังกล่าว ธนาคารอาจจะต้องมีการหารือร่วมกันกับหลายฝ่าย ซึ่งการหารือดังกล่าวนั้นอาจจะไม่ได้ส่งผลให้มีธุรกรรมเกิดขึ้นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากมีธุรกรรมเกิดขึ้น ธนาคารจะเปิดเผยข้อมูลตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเวลาที่เหมาะสม
อนึ่งก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวรายงานอ้างอิงแหล่งข่าวจาก ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ธนาคารฯ ได้บรรลุข้อตกลงการขายหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด หรือ KAsset ธุรกิจในเครือธนาคารกสิกรไทย ให้กับกลุ่มอมุนดิ สัดส่วน 49% และคาดว่าจะรับรู้กำไรจากการขายหุ้นครั้งนี้พอสมควร พร้อมกันนี้ ทาง บลจ.กสิกรไทย จะเปิดตัวประธานกรรมการบริหารคนใหม่อย่างเป็นทางการ และจะเปิดแผนธุรกิจต่อสื่อมวลชนในวันที่ 16 ก.พ.นี้
ขณะที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ระบุว่า มูลค่าของ บลจ.กสิกรไทย ที่ถูกประเมินออกมานั้น อยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 6.6 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้หากกลุ่มอมุนดิเข้าถือหุ้น 49% ในบลจ.กสิกรไทย คาดว่า จำนวนเงินลงทุนอาจจะอยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท และเมื่อหักต้นทุนและค่าใช้จ่ายอื่นก่อนภาษี จะทำให้แบงก์กสิกรไทยมีกำไรประมาณ 28,000-29,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีการขายหุ้นครั้งนี้จะต้องถูกหักภาษีด้วย จึงคาดว่าแบงก์กสิกรไทยจะมีกำไรประมาณ 20,000-23,000 ล้านบาท ซึ่งกำไรดังกล่าว คาดว่าจะมีการนำไปใช้ในการตั้งสำรองในปีนี้ และส่วนหนึ่งอาจจะนำเงินไปลงทุนในธุรกิจการเงินอื่น ๆ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับธนาคาร
ด้านนายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ KBANK กล่าวกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” เกี่ยวกับการขายหุ้นบลจ.กสิกรไทย โดยนายพัชรยอมรับว่า อยู่ระหว่างการขายหุ้นจริง แต่จะไม่ขายออกไปทั้งหมด หรือจะไม่เกินสัดส่วน 50% โดยธนาคารฯ จะยังต้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ ส่วนสาเหตุของการขายหุ้น เพื่อต้องการหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่ง และเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ในธุรกิจจัดการกองทุน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้กับ บลจ. และให้ลูกค้ามีผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้เลือกอย่างหลากหลาย