“กสิกร” ยกกลุ่ม “เฮลท์แคร์” ดาวเด่นปี 66 รับทัวร์จีนเข้าไทย ชู EKH-BDMS ท็อปพิก
“บล.กสิกรไทย” แนะนำลงทุนหุ้นในกลุ่ม Healthcare หลังมองว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในประเทศไทย สนับสนุนผลประกอบการฟื้นตัวขึ้นจากปีก่อนพร้อมชู EKH และ BDMS เด่นสุด
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นที่น่าสนใจในการลงทุนในปี 66 โดย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ มองว่าหุ้นในกลุ่ม Healthcare มีแนวโน้มฟื้นตัวในปี 66 จากปัจจัยบวก 3 ประการ ได้แก่
1.การเปิดประเทศจีน
โดยคาดว่าจำนวนคนไข้จากจีนที่ฟื้นตัวขึ้นจะช่วยกระตุ้นรายได้จากคนไข้ต่างชาติของโรงพยาบาลเอกชน ทั้งนี้สัดส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวจาก 3 ประเทศหลักคือ ตะวันออกกลาง (ME) กลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) และจีน โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักมาจากกลุ่ม ME เมื่อไทยเปิดประเทศในเดือน พ.ย.64 ตามมาด้วยกลุ่ม CLMV เมื่อไทยเปิดพรมแดนเดือนพ.ค.65 เราเห็นรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นมากของ BH และ PR9 ซึ่งมาจาก ME และ CLMV เป็นหลักตามลำดับ จึงคาดว่าจำนวนคนไข้ชาวจีนที่ฟื้นตัวขึ้นจะช่วยขับเคลื่อนให้รายได้ผู้ป่วยต่างชาติสูงขึ้นเช่นกัน
2.จำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้น
คาดว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักผ่อนแต่เกิดการเจ็บป่วยระหว่างการเดินทางจะช่วยหนุนอุปสงค์คนไข้ต่างชาติ จำนวนนักท่องเที่ยวรวมที่เพิ่มขึ้นมากในปี 2566 จะช่วยขับเคลื่อนรายได้จากคนไข้ต่างชาติโดยเฉพาะในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวหลัก เราเห็นรายได้จากคนไข้ต่างชาติของ BH และ PR9 ในไตรมาส 3/65 สูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว ยกเว้นของ BDMS ในช่วงเวลาเดียวกัน
3.ผลประโยชน์จากประกันสังคมสูงขึ้น
ฝ่ายวิจัยเห็น upside การปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลและบริการที่เพิ่มขึ้นภายใต้โครงการประกันสังคม การปรับขึ้นอัตราค่ารักษาที่จ่ายให้ รพ. ประกันสังคมครั้งล่าสุดคือในเดือนก.ค.60 และ ม.ค.63 โดยระยะห่างกัน 2.5 ปี ขณะที่นับตั้งแต่เดือนม.ค.63 – ม.ค.66 คิดเป็นเวลา 3 ปีแล้วที่ยังไม่มีการปรับค่ารักษาพยาบาล อิงจากการคำนวณมูลค่าอ่อนไหว (Sensitivity) ของเรา ทุกๆ อัตราค่ารักษาพยาบาลที่ปรับเพิ่มขึ้น 1% จะเพิ่ม upside 1-2% ของราคาเป้าหมายหุ้นรพ. ประกันสังคมที่เราวิเคราะห์อยู่ (BCH, CJH, RJH และ VIBHA)
นอกจากนี้ สำนักงานประกันสังคมได้เซ็น MOU กับ รพ. 10 แห่ง เพื่อทำการผ่าตัดเฉพาะด้านให้กับผู้ประกันตนโดยตรง ไม่ต้องมีเอกสารส่งต่อ และมีระยะทดลอง 6 เดือน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนว่า รพ. ที่ให้บริการประกันสังคมระดับตติยภูมิมีโอกาสที่เข้าถึงฐานผู้ประกันตนของ รพ. ระดับทุติยภูมิและรพ.รัฐมากขึ้น
โดยฝ่ายวิจัยคงมุมมองบวกต่อกลุ่มการแพทย์ คาดว่าปัจจัยหนุนการเติบโตของกลุ่มโรงพยาบาลจะมาจากการเติบโตของรายได้จากภายในและรายได้ส่วนเพิ่มจากโควิด-19 ที่เป็นโรคประจำถิ่น ขณะที่ทิศทางการเติบโตของกำไรจะคละกันโดยคาด รพ. ที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศจะรายงานการเติบโตเทียบกับปีก่อน ตรงข้ามกับกลุ่มโรงพยาบาลที่ได้ประโยชน์จากโควิด-19 ที่น่าจะรายงานการลดลงจากปีก่อนส่วนการแข่งขันน่าจะส่งผลกระทบจำกัด
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังแนะนำ EKH ราคาเป้าหมาย 9.60 บาท และ BDMS ราคาเป้าหมาย 33.90 บาท เนื่องจากน่าจะได้ประโยชน์มากสุดจากการเปิดประเทศ ทั้งนี้ ก่อนโควิด-19 รายได้คนจีนที่ศูนย์ IVF คิดเป็นสัดส่วน 20% ของรายได้รวมของ EKH ขณะที่ BDMS เป็นโรงพยาบาลที่ตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากจีน และอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะรองรับการเจ็บป่วยของนักท่องเที่ยว
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ของ BDMS เพิ่มขึ้น 1% เป็น 13,232 ล้านบาท (โต 4% จากปีก่อน) จากฐานที่สูง โดยจากเดิมที่ 13,052 ล้านบาท จากการขยายฐานลูกค้าต่างประเทศเพิ่มจากประเทศบังกาลเทศและซาอุฯ โดยการจัดตั้งศูนย์ refer คนไข้เพิ่มที่ประเทศซาอุฯ ในปี 66 เนื่องจากบริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตของฐานลูกค้า โดยปัจจุบันคนไข้ซาอุฯมีจำนวนมากกว่าช่วงก่อนโควิด หลังที่ทางรัฐบาลเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ซึ่งเราคาดว่าในโควต้าเข้าประเทศไทยที่ 100,000 คน โดย 70% เป็นกลุ่มที่บินมารักษาในไทย มองว่า 35% นั้นจะมารักษาที่ BDMS จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้น 980 ล้านบาท
ส่วนลูกค้าในประเทศมาจากการขยายตลาดประกันสังคม โดยจะรับผู้ประกันตนเพิ่มอีก 1 รพ.ที่สุราษฎร์ธานีและมีแผนที่จะรับเพิ่มอีก 2-3 แห่งในปี 66 โดยการรับผู้ประกันตนและผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มจะทำให้ใช้ capacity ได้มีสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ทำให้คง GPM ที่ 36.3% Valuation/Catalyst/Risk
พร้อมกันนี้ยังคงราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 36.00 บาท อิง PE ปี 66 ที่ 44 เท่า โดยมองว่าบริษัทจะเป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลประโยชน์จาก medical tourism โดยปัจจุบันมีสัดส่วนชาวต่างชาติอยู่ที่ 24% ซึ่งช่วงก่อนโควิดมีสัดส่วนอยู่ที่ 30% รวมถึง upside จากลูกค้าชาวจีนหลังจากที่จีนเปิดประเทศ