ส่อง 10 หุ้น mai ราคา “วิ่งคึก-ดิ่งเหว” รอบม.ค.66

เปิด 10 อันดับหุ้น mai ราคา “วิ่งคึก-ดิ่งเหว” ในรอบม.ค.66 พบ TMC ขึ้นสูงสุด 68% หลังเปลี่ยนกลุ่มทุนใหม่ “ณัฏฐ์พงษ์ ปัญจวรญาณ” ส่วน ALL ร่วงหนักสุด 43% เซ่นเบี้ยวจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ อ้างขาดสภาพคล่อง


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลราคาหุ้นกลุ่ม mai ที่ราคาปรับตัวขึ้นแรงและราคาปรับตัวลดลงแรงในรอบ 1 เดือนแรกของปี 66 หรือในรอบเดือนม.ค.66 โดยเปรียบข้อมูลราคาหุ้นปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.65 – 31 ม.ค.66 โดยได้คัดเลือกมา 10 อันดับแรกของกลุ่มที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว

โดยกลุ่มหุ้น mai ราคาปรับตัวขึ้นแรงในรอบ 1 เดือน 10 อันดับแรก ประกอบด้วย TMC, MASTER, ARIP, OTO, CMO, COMAN, MTW, CPR, PRAPAT และ TNDT

สำหรับอันดับที่ 1 ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 เดือน คือ บริษัท ที.เอ็ม.ซี. อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMC โดยในวันที่ 31 ม.ค.66 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 4.20 บาท คิดเป็นการปรับตัวขึ้น 68% จากระดับ 2.50 บาท ณ ราคาหุ้นปิดตลาดวันที่ 30 ธ.ค.65 โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเกิดจากกรณีการเปลี่ยนกลุ่มทุนกลุ่มใหม่จากเดิมคือกลุ่ม “กมลมงคลสุข” เป็น  กลุ่มนายณัฏฐ์พงษ์ ปัญจวรญาณ ซึ่งเป็นประธานกรรมการ และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ทาพาโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ TAPAC โดยณัฏฐ์พงษ์ ได้เข้าซื้อรายการบิ๊กล็อตจากกลุ่ม “กมลมงคลสุข” ทั้งหมด

ส่วนอันดับที่ 2 คือ บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER โดยในวันที่ 31 ม.ค.66 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 76.25 บาท คิดเป็นการปรับตัวขึ้น 65.76% จากระดับ 46 บาท ณ ราคาหุ้นปิดตลาดวันที่ 30 ธ.ค.65 โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นคาดว่ามาจากแนวโน้มผลการดำเนินงานจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ตามความต้องการด้านการศัลยกรรมและความงามในปัจจุบันที่เพิ่มสูงขึ้น

โดยบล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดกำไรสุทธิปี 65 ของ MASTER จะเติบโตสูง 92% จากปีก่อน และคาดการบริการของห้องผ่าตัดใหม่จะแล้วเสร็จช่วงกลางปี 66 จึงคาดกำไรสุทธิปี 66 ยังโตสูง 38.2% จากปีก่อน และคาดกำไรสุทธิ 3 ปีข้างหน้าโตเฉลี่ย 23% CAGR

ส่วนกลุ่มหุ้น mai ราคาปรับตัวลงแรงในรอบ 1 เดือน 10 อันดับแรก ประกอบด้วย ALL, UMS, ALPHAX, ACAP, HEMP, TVDH, KLINIQ, KGEN, META และ CHOW

สำหรับอันดับที่ 1 ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 1 เดือน คือ บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL โดยในวันที่ 31 ม.ค.66 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 0.21 บาท คิดเป็นการปรับตัวลง 43.24% จากระดับ 0.37 บาท ณ ราคาหุ้นปิดตลาดวันที่ 30 ธ.ค.65 โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาจากความกังวลต่อความมั่นคงของบริษัท ภายหลังออกมาแจ้งว่าบริษัทผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้รุ่น (ALL244A) งวดที่ 5 ในวันที่ 3 ม.ค.66 คิดเป็นจำนวนดอกเบี้ยที่ผิดนัดชำระจำนวน 10.65 ล้านบาท สาเหตุมาจากบริษัทขาดสภาพคล่อง ทำให้มีกระแสเงินสดไม่เพียงพอ

Back to top button