พาราสาวะถี
จับยามสามตาไม่ต้องเดาก็รู้ว่า การจะปล่อยให้ส.ส.พรรคภูมิใจไทยใช้เอกสิทธิ์แสดงท่าทีต่อวันอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ
จับยามสามตาไม่ต้องเดาก็รู้ว่า การจะปล่อยให้ส.ส.พรรคภูมิใจไทยใช้เอกสิทธิ์แสดงท่าทีต่อวันอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ ตามคำบอกกล่าวของ อนุทิน ชาญวีรกูล นั้น มันก็คือการทำให้องค์ประชุมล่ม นัยหนึ่งก็อ้างร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่พรรคเสนอถูกปู้ยี่ปู้ยำ ยึดยื้อจนไม่ผ่านการพิจารณาในวาระ 2 และ 3 แต่ความจริงอีกด้านคือ หากสภาล่มประชุมต่อไม่ได้ รัฐมนตรีบางรายของพรรคซึ่งอาจรวมถึงเสี่ยหนูเอง ก็จะไม่ถูกฝ่ายค้านซักฟอกจนเสียคะแนนนิยมก่อนเลือกตั้งได้
งานนี้ไม่ใช่ฝ่ายค้าน เป็น ชินวรณ์ บุญยเกียรติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล ออกมาดักคอ หากใช้เกมไม่ร่วมเป็นองค์ประชุมเพื่อทำให้สภาเปิดอภิปรายทั่วไปไม่ได้ จะเป็นความเสียหายกับรัฐบาล และยิ่งหากส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลไม่ร่วมเป็นองค์ประชุม เท่ากับว่ารัฐบาลหนีการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 หากเป็นเช่นนั้นจริงถือว่าแต่ละพรรคที่ได้ตัดสินใจทำเช่นนั้นจะต้องรับผิดชอบ
เรียกได้ว่าเป็นการเตะตัดขาเพื่อนร่วมรัฐบาลให้เสียรูปมวยก่อนเลือกตั้ง อย่างที่รู้กันพรรคเก่าแก่กับภูมิใจไทย ขับเคี่ยวกันดุเดือดแน่ในสนามเลือกตั้งภาคใต้และกทม. ไม่เพียงแต่จะถามหาความรับผิดชอบในแง่ของความเป็นนักเลือกตั้งในระบบรัฐสภาเท่านั้น แต่ชินวรณ์ยังยกหลักการมาดักคอของเพื่อนร่วมรัฐบาลกับคำถามที่ว่าเป็นการกระทำขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ พรรคการเมืองในฐานะที่อยู่ในระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในระบบรัฐสภาต้องพิจารณา
พอเข้าจะเข้าสู่โหมดเลือกตั้งคนของพรรคการเมืองนี้จะตั้งการ์ดสูง อ้างหลักการ ยึดมั่นในระบบ เดินตามระบอบกันสนุกปาก ทั้งที่การสนับสนุนผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและขบวนการสืบทอดอำนาจเป็นสิ่งที่พรรคซึ่งยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงไม่ควรกระทำ ไม่เฉพาะแต่ตีกินกับการโยนหินถามทางของภูมิใจไทยเท่านั้น วันเดียวกัน ชวน หลีกภัย ไปร่วมประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล ก็กรีดท่านผู้นำกับ วิษณุ เครืองาม เรื่ององค์ประชุมเหมือนกัน อยากให้กฎหมายสำคัญผ่านก็ต้องเอาองค์ประชุมไปด้วย
แต่การเดินเกมยึดหลักการ ตั้งมั่นในอุดมการณ์นั้นคงไม่สามารถนำมาเป็นจุดขายได้อีกแล้ว เพราะคนส่วนใหญ่รู้ทันกันหมด เห็นจากการไหลออกไม่หยุดทั้งไปอยู่กับพรรคของเสี่ยหนู หันไปซุกใต้ปีกพรรคผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ รวมไปถึงพรรคสืบทอดอำนาจและเพื่อไทย ก็พอจะทำให้เห็นแล้วว่านักเลือกตั้งอาชีพมองเห็นชะตากรรมของพรรคเก่าแก่ หลังเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ส.ส.อยู่ในลำดับที่เท่าไหร่ หนทางกลับไปเป็นฝ่ายค้านมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
ส่วนผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจกับการเป็นนักการเมืองสังกัดพรรคอนุรักษ์นิยมสุดโต่งนั้น ฐานเสียงก็อยู่ในวงจำกัด ต่อให้ลุ้นได้เก้าอี้ส.ส. 25 ที่นั่ง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเชื้อเชิญให้พรรคการเมืองอื่นมาร่วมจับมือดันก้นให้คนอยากอยู่ยาวกลับมาเป็นนายกฯอีกกระทอกได้ ย้ำอีกหนหากไม่ใช้เล่ห์กลใด ๆ เพื่อไทยอาจไม่ถึงขั้นแลนด์สไลด์ แต่ก็จะได้ส.ส.มากพอที่จะไปรวบรวมเสียงจากพรรคการเมืองอื่นซึ่งรวมถึงพรรครัฐบาลปัจจุบันตั้งรัฐบาลได้ โดยไม่ต้องง้อเสียงจากส.ว.ลากตั้งด้วยซ้ำ
แต่อย่างที่รู้กันหากพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ได้ร่วมก๊วนด้วย ก็จะได้โอกาสแสดงบารมีโชว์เสียงส.ว.ที่เป็นเด็กในคาถามายกมือหนุนแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยหรือพรรคหนึ่งพรรคใดที่จับมือกันตั้งรัฐบาลได้ บนโต๊ะสนทนาเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลถึงเวลานี้ไม่มีรวมไทยสร้างชาติและผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอยู่ในสายตา การเมืองเมื่อถึงจังหวะที่จะต้องเปลี่ยนก็ต้องทำให้สะเด็ดน้ำ ไม่ใช่อนุรักษ์นิยมไม่หนุนหลังผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแต่มันไม่สามารถต้านกระแสของประชาชนที่เบื่อหน่ายได้
ความคืบหน้าของโต๊ะเจรจาตั้งรัฐบาลนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่ว่าจะหนุนใคร จะจัดสรรเก้าอี้กันอย่างไร แต่มีการวางเกมกันถึงขั้นสกัดดาวรุ่ง ดึงบรรดากลุ่มก๊วนการเมืองที่จะเข้าไปร่วมกับพรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจให้ไปสังกัดพรรคใดพรรคหนึ่ง เพื่อบอนไซตัดปัญหาไม่ต้องให้ได้ส.ส.ถึง 25 ที่นั่ง จะได้ปิดเกมกันแบบถาวร กรณีของ ฉลอง เรี่ยวแรง ที่ขยับจากพรรคสืบทอดอำนาจไปเข้าคอกภูมิใจไทยก็เป็นอีกตัวอย่าง ทั้งที่ก่อนหน้ามีแนวโน้มว่าจะไปสังกัดพรรคของท่านผู้นำ
สิ่งที่ทำให้บรรดานักเลือกตั้งหวั่นใจกันอยู่เวลานี้คือ การแบ่งเขตเลือกตั้งของกกต. ปมนับรวมเอาคนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งมาเป็นส่วนหนึ่งของการคำนวณจำนวนส.ส.เขตนั่นก็เรื่องหนึ่ง ล่าสุด แสวง บุญมี เลขาธิการกกต. มีคำสั่งให้ 5 จังหวัดคือ ชลบุรี เชียงใหม่ ปัตตานี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร ไปแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่เหตุมีผลต่างของจำนวนราษฎรในแต่ละเขตเลือกตั้งไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด แม้เรื่องนี้จะสอดคล้องกับข้อทักท้วงของ สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต. แต่ความต้องการอาจจะไม่เหมือนกัน
อย่าลืมเป็นอันขาดการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา การแบ่งเขตเลือกตั้งก็เป็นปัญหาที่สร้างความด่างพร้อยให้กับกกต.ชุดนี้มาหนึ่งแล้ว หนนี้คนจำนวนหนึ่งก็ไม่มั่นใจว่าจะทำได้ดี และโปร่งใส เห็นรายชื่อจังหวัดที่เป็นปัญหาแล้วในชั้นฟังความเห็นของประชาชนและพรรคการเมืองในพื้นที่ เชื่อได้เลยว่าจะมีการโวยกันทุกเขตเลือกตั้งแน่ เพราะถ้ายึดตามผลต่างของจำนวนราษฎร มันจะส่งผลให้การแบ่งเขตของกกต.จะตัดความเป็นความอำเภอ เป็นชุมชน เป็นการแบ่งแบบผ่าอำเภอออกไป ซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้งทันที
หากเป็นไปตามสูตรนี้ก็ต้องไปดูว่าการแบ่งในลักษณะนี้ ใครจะได้ประโยชน์ พิจารณาไม่ยากหากเป็นนักเลือกตั้งในพื้นที่ ก็ไปไล่ดูในรายชื่อว่าที่ผู้สมัครของแต่ละพรรค คอยดูกันว่าประวัติศาสตร์มันจะย่ำซ้ำรอยเดิมอีกหรือไม่ แม้แต่บรรดากุนซือของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ยังไม่กล้าที่จะวางใจ เพราะอ่านกันได้ไม่ยากใครเป็นคนของใคร องค์กรไหนใครคุม วาทกรรมสวยหรูเรื่องปฏิรูปประเทศ โดยเฉพาะปฏิรูปการเมืองได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่ต่างอะไรจากการเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า พวกประเภทปลิ้นปล้อนกะล่อนตอแหลแถมหน้าด้านอีกต่างหากมันน่าคบ น่าเชื่อถือหรือไม่