กลุ่มอิเล็กฯร่วงหนัก! กังวล “ออเดอร์อุปกรณ์ไอที” ปี 66 หด 4% กระทบยอดขาย
กลุ่มอิเล็กฯร่วงหนัก! นักลงทุนกังวลหลัง “การ์ทเนอร์ อิงค์”เผยปี 66 ยอดส่งอุปกรณ์ไอทีทั่วโลกหดตัวต่อ 4% กระทบดีมานด์ในตลาดอ่อนแอ กำลังซื้อชะลอตัวลง คาดใช้เวลาลดสต็อกราว 9 เดือน เพื่อปรับสู่ภาวะปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ก.พ.66) กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บ่ายร่วงต่อ นำโดยราคาหุ้นราคาหุ้น บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ณ เวลา 15:56 น. อยู่ที่ระดับ 50.75 บาท ลบ 6.25 บาท หรือ 10.96% สูงสุดที่ระดับ 55.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 50.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.51พันล้านบาท
ส่วนบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA อยู่ที่ระดับ 932.00 บาท ลบ 38.00 บาท หรือ 3.92% สูงสุดที่ระดับ 978.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 930.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.23 พันล้านบาท
ด้านราคาหุ้น บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA อยู่ที่ระดับ 61.75 บาท ลบ 2.25 บาท หรือ 3.52% สูงสุดที่ระดับ 64.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 61.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 980.19 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การ์ทเนอร์อิงค์ เปิดเผยคาดการณ์ยอดการจัดส่งอุปกรณ์ไอทีทั่วโลก ประกอบด้วย พีซีแท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถือในปี 66 ลดลงต่อ 4.4% สู่ระดับ 1.7 พันล้านยูนิต จากในปี 65 ที่จัดส่งอุปกรณ์ลดลงไปแล้ว 11.9% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างช้าๆ กำลังซื้อชะลอตัวลง
โดยคาดยอดจัดส่งพีซีทั่วโลกจะลดลง 6.8% ซึ่งลดทุกอุปกรณ์ในปี 66 หลังจากปี 65 หดตัวไปแล้ว 16% สาเหตุเป็นเพราะสินค้าคงคลังของผู้จำหน่ายพีซีอยู่ในระดับสูง ดีมานด์ในตลาดอ่อนแอ จากกำลังซื้อชะลอตัวลง อัตราเงินเฟ้อสูง และความกังวลเศรษฐกิจถดถอยของผู้บริโภค คาดจะใช้เวลาลดสต็อกราว 9 เดือนในการปรับระดับสต็อกลงสู่ภาวะปกติ
ด้านการ์ทเนอร์คาดว่ายอดจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกปี 2566 จะลดลง 4% โดยคาดว่าจะอยู่ที่1.23 พันล้านยูนิต ลดลงจาก 1.28 พันล้านยูนิต ในปี 65
โดยความเห็นเชิงกลยุทธ์ คาดว่าความต้องการซื้อพีซี แทปเล็ต โทรศัพท์มือถือจะยังอ่อนแอในปี 66 ผู้บริโภคและภาคธุรกิจจะยืดอายุการใช้งานเครื่องที่มีอยู่ออกไปก่อน 6-9 เดือน จนกว่าความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและการมีงานทำเพิ่มขึ้น ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ ตัวแทนจำหน่ายสินค้าไอที ผู้วางระบบและเครือข่ายไอที ก็ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว
อย่างไรก็ดี มีการลงทุนด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber securities) และชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้ในยายนต์ EV ที่คาดว่าจะยังคงเติบโตดีต่อในปี 66 ในเชิงกลยุทธ์ เห็นว่ากลุ่ม อิเลคทรอนิกส์ (DELTA, KCE, HANA, SVI) น่าสนใจเพียงซื้อ และขายตามรอบไปก่อน
ด้านราคาหุ้น KCE ปรับตัวลงหนัก 11% หลังรายงานตัวเลขกำไรสุทธิปี 65 มีกำไร 2.32 พันล้านบาท ลดลง 4% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2.43 พันล้านบาท เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริการเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามยอดขาย ได้แก่ ค่าระวาง ค่าขนส่ง ค่าประกันภัยสินค้า และค่านายหน้า อีกทั้งรายการหลักที่เพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายบริหาร ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน รวมถึงสำรองผลประโยชน์พนักงานที่ปรับเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายในการวิจัยพัฒนา และผลขาดทุนตามราคาตลาดจากเงินทุน เป็นต้น
ด้านบล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คงแนะนํา “ซื้อ” หุ้น KCE ที่ราคาเป้าหมาย 70.50 บาท แม้กำไรไตรมาส 4/65 ออกมาต่ำคาด โดยอัตรากำไรขั้นต้นยังคงถูกกดดันจากสภาวะเงินเฟ้อที่ส่งผลให้ระดับต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่รายได้ทรงตัวในระดับสูง
อย่างไรก็ตามมองว่าปัจจัยต้นทุนสูงเริ่มมีแนวโน้มลดลงตามราคาพลังงานที่ทยอยปรับตัวลงบ้างแล้ว ซึ่งคาดว่าจพช่วยบรรเทาความรุนแรงของเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้น โดยรวมคาดปริมาณขายปี 66 จะยังคงสูงต่อเนื่องจากความต้องการของ PCB ที่สูง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเงินบาทแข็งค่าจะเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมที่กดดันต่อปี 66