PRI บวกแรง 4% “ออลไทม์ไฮ” รับแตกไลน์ธุรกิจผลิต-จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์

PRI บวกแรง 4% "ออลไทม์ไฮ" รับแตกไลน์ธุรกิจผลิต-จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ ปักธงรายได้ปีนี้นิวไฮแตะ 1.3 พันล้าน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 ก.พ.66) ราคาหุ้นบริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI ณ เวลา 14:51 น. อยู่ที่ระดับ 31.75 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 3.73% สูงสุดที่ระดับ 35.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 30.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50.06 ล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮตั้งแต่เข้าตลาดเมื่อวันที่ 30 พ.ย.65

ล่าสุดวันนี้ PRI ได้อนุมัติให้บริษัท วายด์ อินทีเรีย จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ (บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100) จัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่กับนายกิตติพันธ์ โพธิวังตระกูล จำนวน 1 บริษัท ภายใต้ชื่อ บริษัท วายด์ เฟอร์นิเจอร์ จํากัด เพื่อประกอบธุรกิจการผลิต การขาย และการตลาดที่เกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์ และพัฒนาร้านค้าปลีก ทุนจดทะเบียน 21,300,000.00 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญ 2,130,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท อนึ่ง บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาร่วมทุน เมื่อวันที่ 31 ม.ค.66 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อนึ่งก่อนหน้านี้นางสาวจตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PRI เปิดเผยว่า ในปี 66 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 1,300 ล้านบาท (ยังไม่รวมรายได้การเข้าซื้อกิจการ) เติบโตจากปี 2564 ที่ประมาณ 173.06% ซึ่งเป้าหมายรายได้ในปี 2566 ถือเป็นการเติบโตสร้างสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) โดยบริษัทมีแผนพิจารณาการขยายธุรกิจใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

โดยจะมุ่งเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภครายย่อยเป็นหลัก เช่น ธุรกิจร้านสะดวกซัก (Wash & Dry) รวมถึงรักษาระดับการเติบโตในกลุ่มธุรกิจทั้ง 8 กลุ่มที่ให้บริการอยู่แล้วในปัจจุบัน โดย ณ สิ้นปี 2566 ตั้งเป้าหมายจะมีโครงการที่เข้าไปบริหารนิติบุคคลและโครงการที่เข้าไปบริหารงานขายรวมกันเพิ่มเป็น 150 โครงการ จากปัจจุบันที่มี 120 โครงการ

ทั้งนี้ ในปี 2566 บริษัทมีแผนการเติบโตภายใต้แนวคิด “Super Living Service” ขยายขอบเขตธุรกิจบริการใหม่ ๆ ทั้งกลุ่มต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ในหลากหลายมิติ ได้แก่1.การเพิ่มบริการในเซกเมนต์ใหม่ เช่น การขยายบริการบางกลุ่มธุรกิจจากเซกเมนต์ทั่วไป สู่เซกเมนต์ระดับลักซ์ชัวรี่,2.การเปิดตัวธุรกิจใหม่ มุ่งเน้นธุรกิจที่จะช่วยเติมเต็มความครบวงจรของงานบริการ และธุรกิจที่สอดคล้องกับทิศทางเมกะเทรนด์โลก3.การบุกตลาดต่างจังหวัด โดยวางแผนส่งบริษัทย่อยบุกให้บริการในพื้นที่ทั้ง 4 ภูมิภาคหลักของประเทศ ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคอีสานที่ จ.ขอนแก่น และเขาใหญ่ ภาคกลางตอนล่างและภาคใต้ที่ หัวหิน และ จ.ภูเก็ต และภาคตะวันออก ที่ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง

โดยในช่วงไตรมาส 2/66 บริษัทจะเริ่มนำร่องบุกต่างจังหวัดนอกพื้นที่ EEC เป็นครั้งแรก ซึ่งจะเริ่มที่จังหวัดภูเก็ต

นางสาวจตุพร กล่าวอีกว่า การสร้างการเติบโตของ PRI จะมีทั้งการเติบโตด้วยตัวเอง (Organic Growth) และการเติบโตทางลัด (Inorganic Growth) ผ่านการจับมือร่วมทุนกับพันธมิตร (Joint Venture) กับผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจนั้น ตลอดจนการพิจารณาซื้อกิจการ (M&A) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้นอยู่แล้ว เพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

โดยยกทัพบริษัทในเครือ มองหาพันธมิตรที่จะเข้ามาเติมเต็มความครบวงจรภายในปี 2566 โดยภายในช่วงครึ่งปีแรกของในปี 2566 คาดว่าจะสามารถปิดดีล M&A ธุรกิจต้นน้ำ คือ กลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาและออกแบบทางวิศวกรรม (Per-Living Services) เข้ามา 1 บริษัท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งการซื้อกิจการในครั้งนี้จะเข้ามาหนุนการเติบโตของ PRI ต่อเนื่อง และภายในปี 2566 คาดว่าจะเห็นการร่วมทุน (JV) กับพันธมิตรด้วย โดยปัจจุบันมีการเจรจากับพันธมิตรมากกว่า 3 ดีล เพื่อ M&A และ JV ร่วมกัน

Back to top button