บลจ.กสิกรไทยทุ่มกว่า 134 ล้านบาทเตรียมจ่ายปันผล 3 กองรวด 17 ธ.ค.

นายเขมชาติ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 3 กองทุน สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 - 30 กันยายน 2558 ซึ่งประกอบด้วยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เคพีเอ็น (KPNPF)


นายเขมชาติ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 3 กองทุน สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 – 30 กันยายน 2558 ซึ่งประกอบด้วยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เคพีเอ็น (KPNPF)

โดยจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.1200 บาทต่อหน่วย กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์ไตล์ (MJLF) ในอัตรา 0.2500 บาทต่อหน่วย และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา (CTARAF) ในอัตรา 0.0940 บาทต่อหน่วย โดยทั้ง 3 กองทุนดังกล่าว จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น. ของวันที่ 1 ธันวาคม 2558 (XD Date) และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 17 ธันวาคม 2558 นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้นกว่า 134.18 ล้านบาท

กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เคพีเอ็น (KPNPF) มีนโยบายลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดิน อาคารสำนักงาน และระบบสาธารณูปโภคของอาคารเคพีเอ็น ทาวเวอร์ บนถนนพระราม 9 ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่ประมาณ 81% โดยผลการดำเนินงานในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2558 ที่ผ่านมา จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ และสามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอจากค่าเช่าพื้นที่และบริการต่างๆ ภายในโครงการ ทำให้ในรอบผลดำเนินงานดังกล่าว กองทุนสามารถทำกำไรสุทธิได้ 78.95 ล้านบาท ซึ่งตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมามีการจ่ายปันผลแล้วรวม 10 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1.4930 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 6.13% ต่อปี

ด้านกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ไลฟ์สไตล์ (MJLF) มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารโครงการเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รังสิต, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน และซูซูกิ อเวนิว รัชโยธิน ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ประมาณ 97% ของพื้นที่เช่าทั้งหมด และภาพรวมตลอดทั้ง 3 ไตรมาสแรกของปี 2558 ที่ผ่านมา โครงการทั้ง 3 แห่งยังมีอัตราการเช่าเกือบเต็มตลอดในทุกไตรมาส ส่วนผลการดำเนินงานในรอบระยะเวลาดังกล่าว จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยกองทุนสามารถทำกำไรสุทธิได้ 268.81 ล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมามีการจ่ายปันผลแล้วรวม 33 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 7.8630 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 9.50% ต่อปี

ส่วนกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา (CTARAF) มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคาร รวมถึงระบบสาธารณูปโภค ของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทสมุย โรงแรมระดับ 5 ดาว ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่ 25 ไร่ บนหาดเฉวง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ 88% และมีผลการดำเนินงานในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2558 ที่ผ่านมา อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยกองทุนสามารถทำกำไรสุทธิได้ 98.93 ล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมามีการจ่ายปันผลแล้วรวม 25 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4.4562 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 6.81% ต่อปี

นายเขมชาติกล่าวต่อไปว่า สำหรับมุมมองด้านการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บลจ.กสิกรไทย มองว่ายังมีความน่าสนใจและเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุน โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนและสถานการณ์ดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ การกระจายลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์นับว่าเป็นอีกสินทรัพย์หนึ่งที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีรายได้แน่นอนโดยเฉพาะรายได้หลักที่มาจากค่าเช่า ผู้ลงทุนจึงมีโอกาสรับรายได้อย่างสม่ำเสมอจากเงินปันผลตามนโยบายของกองทุน และยังอาจสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการซื้อขายทำกำไรในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกด้วย

กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 3 กองทุนดังกล่าว จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนั้นสำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน KPNPF กองทุน MJLF และกองทุน CTARAF สามารถซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com

Back to top button