พาราสาวะถี

ทำเอาลุ้นกันตัวโก่งอยู่ไม่น้อยสำหรับการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันแรก


ทำเอาลุ้นกันตัวโก่งอยู่ไม่น้อยสำหรับการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันแรก หลังจากที่เกิดภาวะฝนตกหนักถล่มเมืองกรุงทำให้รถติดหนึบ ส่งผลถึงการประชุมดังว่า หลังเปิดประชุมไปนานกว่า 40 นาทีองค์ประชุมถึงครบและเริ่มการอภิปรายได้ นาทีนั้นหลายคนเริ่มสงสัยแล้วว่า หรือการทำให้องค์ประชุมไม่ครบจะเป็นจริง ทำให้สภาล่มล้มซักฟอกโดยไม่ลงมติ แต่เมื่อเห็นว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไปร่วมประชุมด้วย ก็ทำให้หลายฝ่ายเบาใจยังไงก็ได้เห็นการเชือดเฉือนกันในสภาส่งท้ายก่อนไปสู้กันในสนามเลือกตั้งแน่นอน

สำหรับเหตุผลที่ทำให้ฝ่ายค้านมั่นใจได้ว่ายังไงก็จะได้ซักฟอก มาจากพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันจะยกพลมาร่วมเป็นองค์ประชุมแน่ ด้วยปัจจัยยึดมั่นในระบบรัฐสภา ขณะที่อีกด้านการพูดคุยกับภูมิใจไทยก็เคลียร์กันได้ว่าจะไม่เตะตัดขากันจนหน้าคะมำ ทางจึงสะดวก แต่การอภิปรายทิ้งทวนหนนี้หากฝ่ายค้านจะสร้างความได้เปรียบต้องมีข้อมูลใหม่ชนิดที่ซัดไปแล้วอีกฝ่ายไปไม่เป็น ถ้ายังเป็นเรื่องเดิม ไร้หลักฐานใหม่ ก็เป็นการเปิดช่องให้ฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้โชว์ผลงาน เหมือนเป็นการชิมลางซ้อมปราศรัยหาเสียงไปในตัว

จากที่ตั้งการ์ดสูงไหงกลายเป็นพวกหางจุกตูดเสียอย่างงั้น ปมการใช้จำนวนราษฎรที่นับรวมเอาคนต่างด้าวไม่มีสัญชาติไทยมารวมในการคำนวณแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.ด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านั้น อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. และ แสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ประสานเสียงยืนยันหนักแน่นทำทุกอย่างตามรัฐธรรมนูญ ปฏิบัติตามข้อกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ แล้วทำไมล่าสุดถึงได้มีมติตาลีตาเหลือกส่งให้ตีความ คงไม่ใช่การประวิงเวลาเพื่อไม่ให้มีการยุบสภา ถ้าไม่ทำท้ายสุดมีคนไปร้อง กกต.นั่นแหละที่จะติดคุกเสียเอง

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการแขวะไปถึงคนที่ตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้ว่าตีรวน ดิสเครดิต กกต. คงลืมไปว่าทั้งตัวกรรมการและองค์กรนั้นประชาชนเสื่อมศรัทธามาตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งก่อนโน้นแล้ว ยังมีหน้าคิดว่าตัวเองเป็นที่เชื่อถือ เป็นความหวังของคนส่วนใหญ่อีก การหลงผิดแบบนี้นี่แหละที่อันตราย มากไปกว่านั้นถ้าไม่ยื่นมันก็จะสะท้อนเสียงวิจารณ์ที่ว่า กกต.มีเจตนาที่จะใช้เรื่องนี้ส่งผลให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นมีโอกาสเป็นโมฆะ ซึ่งใครได้ประโยชน์ก็รู้ ๆ กันอยู่

ส่วนประเด็นที่อ้างว่าเลือกตั้งครั้งก่อนหน้าเคยทำมาแล้วไม่มีปัญหา พร้อมยกเอาความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกามาเป็นหลังพิงนั้น จากมติที่ออกมาหนนี้คงเป็นสิ่งที่เตือนสติจนดึงสำเหนียกของผู้ที่จะต้องดูแลและบริหารจัดการเลือกตั้งครั้งใหญ่ของประเทศว่า การเลือกตั้งหนก่อนต่อให้มีการทำผิดก็ยังมีคำสั่งหรือประกาศของ คสช.คุ้มกะลาหัว แต่หนนี้ไม่ใช่ ทุกอย่างต้องว่ากันไปตามตัวบทกฎหมายปกติล้วน ๆ จึงต้องหันมารักตัวเองกันสุดชีวิต ดีกว่าที่จะหลับหูหลับตาเอาใจผู้มีพระคุณ

ยังคงชิงไหวชิงพริบ เรียกคะแนนนิยมให้กับพรรคต้นสังกัดต่อเนื่องสำหรับสองพี่น้องแก๊ง 3 ป. พี่ใหญ่กับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ วันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา รวมไทยสร้างชาติเผยแพร่ภาพท่านผู้นำในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคฯ บนเพจเฟซบุ๊กพรรค โดยผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจสวมเสื้อสูท ที่นิ้วนางข้างซ้ายสวมแหวนนพเก้าและแหวนนโม ยืนกอดธงชาติไทยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมมีข้อความระบุว่า “รักเธอประเทศไทย” และ “สุขสันต์วันแห่งความรัก”

ขณะที่พรรคสืบทอดอำนาจ ก็ได้โพสต์ภาพและข้อความของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. ระบุว่า “สุขสันต์วันแห่งความรัก ขอส่งใจไปถึงพี่น้องประชาชนที่เป็นแรงบันดาลใจ สู่ใจบันดาลแรง ขอคนไทยทุกคนมีความรักความสุข ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา นำพาประเทศมั่นคง” ถอดรหัสจากสารที่สื่อออกมาแล้ว ทำให้เห็นภาพของความแตกต่างในมุมคิดและทัศนคติทางการเมืองของทั้งสองคนอย่างชัดเจน สิ่งสำคัญคือ สะท้อนตัวตนของพรรคได้เป็นอย่างดี

การที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแสดงออกเช่นนั้นในวันแห่งความรัก เป็นการประกาศตัวเป็นพรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยมสุดโต่งแบบชัดเจน อ้างความรักประเทศรักบ้านเมือง เหมือนจะบอกให้ทุกคนต้องรักเหมือนที่ตัวเองเป็น ทั้งที่ความจริงแล้วเรื่องของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนล้วนแต่ถูกปลูกฝังให้มีความรัก นับถือและเทิดทูนกันมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่มีใครต้องมาแสดงออก หรือต้องมาเรียกร้องอย่างที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจทำ

การทำเช่นนี้มันก็เหมือนเสียงที่วิจารณ์มาโดยตลอดว่าพวกม็อบนกหวีดและขบวนการสืบทอดอำนาจ อ้างความรักต่อสิ่งเหล่านี้ว่ามีแต่พวกตนเท่านั้น ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่ ขณะเดียวกันคนที่เห็นต่างไม่ได้หมายความว่าจะไม่รักประเทศชาติ หรือมุ่งทำลายสถาบันอันเป็นที่รักของทุกคน เพียงแต่ว่ามุมหนึ่งไม่อยากให้มีใครหรือพวกใดพวกหนึ่ง แอบอ้างแล้วนำเรื่องแบบนี้มาใช้เล่นงานคนที่เห็นต่าง กลายเป็นเครื่องมือที่ถูกมองมาตลอดระยะเวลาของความขัดแย้งว่า มีพวกดึงฟ้าต่ำ

ผิดกับพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ที่มองเห็นสภาพของปัญหา การคงความขัดแย้งไว้โดยไม่ยอมแก้ไขเพื่อคงไว้ซึ่งเสถียรภาพแห่งอำนาจของขบวนการสืบทอดอำนาจเท่านั้น การสื่อสารที่ว่าขอให้คนไทยทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้งนั้น คือการตอกย้ำว่าต้องช่วยกันทำเพื่อให้เกิดความสามัคคีที่แท้จริง เหมือนที่บอกไปวันก่อน นโยบายสำคัญที่พรรคสืบทอดอำนาจเตรียมจะเปิดคือการสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติที่ทำได้จริง และต้องให้เกิดผลสำเร็จ อันจะเป็นอีกหนึ่งความต่างที่ทำให้เห็นว่าพี่น้องแยกกันเดินสร้างดาวคนละดวงจริง

ไม่เพียงเท่านั้น ความเป็นมิตรหรือสัมพันธภาพกับพรรคการเมืองอื่น ระหว่างพี่ใหญ่กับน้องเล็กก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิง พี่ใหญ่ต่อสายสัมพันธ์ได้ทุกพรรคทุกฝ่าย ไม่ใช้วิธีตีท้ายครัวเพื่อน เหมือนที่พรรคชาติไทยพัฒนากำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเวลานี้ ที่พรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแอบเจรจาดึงเอาน้องชายของ ส.ส.ในพรรคไปลงแข่งพี่ชายที่สุพรรณบุรี นี่คือเกมการเมืองโสมม ประสาคนใจนักเลงจะไม่ทำกัน เหมือนเป็นการตอกย้ำปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมืองที่อ้างตอนยึดอำนาจ มีแต่ถอยหลังลงคลอง

Back to top button