JMT ตั้งเป้ากำไรปี 66 โต 30% วางงบซื้อหนี้ 1.5 หมื่นล้าน เสริมแกร่งธุรกิจ
JMT ตั้งเป้ากำไรปี 66 เติบโต 30% นิวไฮต่อเนื่อง เดินหน้าบริหารหนี้ เตรียมวางงบซื้อหนี้ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท
นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ว่าผลประกอบการปี 2566 มีแนวโน้มจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2565 ที่มีกำไรทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งอยู่ที่ 1,746 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 25% มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,410 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 22% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 67% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 36%
ทั้งนี้ หากไม่รวมค่าใช้จ่ายครั้งเดียวที่เกิดขึ้น เช่น ค่าเคลมประกันโควิด บริษัทจะมีการเติบโตของกำไรสุทธิกว่า 32% มีพอร์ตบริหารหนี้ด้อยคุณภาพรวมอยู่ที่ 331,410 ล้านบาท จากสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 238,212 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 93,198 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงหนี้ด้อยคุณภาพจากทาง บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด (JK AMC) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มธุรกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ที่เริ่มเดินหน้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารแล้วในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 อยู่ที่ราว 70,000 ล้านบาท มากกว่าแผนดำเนินงานที่เคยให้ไว้ และ JK AMC สามารถทำกำไร 196 ล้านบาท (JV Equity Consolidated 98 ล้านบาท)
สำหรับในปี 2566 JMT ตั้งเป้ากำไรเติบโต 30% จากปีก่อน มั่นใจว่าด้วยโครงสร้างบริษัทในกลุ่มที่แข็งแกร่งขึ้น โดยกลุ่มธุรกิจบริหารหนี้ ประกอบด้วยหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน และมีหลักประกัน มองว่าจะเติบโตยิ่งขึ้น สอดรับภาพรวมสถาบันการเงินต่างๆ จะทยอยเปิดประมูลขายหนี้ด้อยคุณภาพออกมาต่อเนื่องตลอดทั้งปี หลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้จากสถาบันการเงิน
โดยตั้งเป้าในปีนี้งบลงทุนซื้อหนี้อยู่ที่ประมาณ 10,000 – 15,000 ล้านบาท โดย Unsecure ราว 10,000 ล้านบาท ขณะที่ Secure มองไว้ราว 5,000 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงโอกาสจาก JK AMC ที่ภาพการเติบโตจะชัดเจนยิ่งขึ้นในปีนี้