หายแพนิก?

การเด้งกลับของดัชนีขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,658.29 จุด +10.90 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 6.37 หมื่นลบ. ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกดีใจไหม? เดี๊ยนตอบได้ทันทีว่า ดีใจมาก


ก่อนอื่นต้องบอกว่า การเด้งกลับของดัชนีขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,658.29 จุด บวกไป 10.90 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.37 หมื่นล้านบาท ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกดีใจไหม? เดี๊ยนตอบได้ทันทีว่า ดีใจมาก แต่เป็นการดีใจที่ไม่สุดซอย เพราะก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้บ่อยครั้ง และสุดท้ายก็ลงเอยด้วยเหตุการณ์ “น้ำตาเช็ดหัวเข่า” เป็นประจำ จึงไม่อยากออกตัวแรงเหมือนครั้งก่อน ๆ ไงล่ะคะ

ยิ่งช่วงนี้เกิดเรื่องราว “บ้า ๆ บอ ๆ” ในทุกวงการเยอะแยะไปหมด ยิ่งต้องเพลย์เซฟให้มากสุดเท่าที่จะทำได้ เพราะอาการ 3 วันดี 4 วันไข้ยังมีให้เห็นเป็นระยะ “โมนิก้า” จึงไม่แน่ใจว่า นักเล่นหายแพนิกหรือยัง? และอาการแพนิกจะกำเริบเมื่อไหร่? จึงอยากให้นักเล่นขยับการเล่นไปทีละสเต็ป และอย่ามองอะไรที่ไกลกว่าเดิม เพราะแค่คิดให้หุ้นไปต่อยาว ๆ ก็ต้องลุ้นจนหัวใจจะวายนะจะบอกให้

ที่สำคัญอย่าลืมว่า ตัวดันดัชนีวานนี้ยังเป็น DELTA เจ้าเดิม และการขึ้นรอบใหม่เที่ยวนี้ก็เป็นเหตุผลทางเทคนิค “โมนิก้า” ถึงรู้สึกเฉย ๆ เมื่อเห็นราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 976 บาท บวกไป 72 บาท หรือขึ้นไป 7.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.90 พันล้านบาท เพราะมันเป็นของที่ต้องมี จึงทำให้ทุกคนเข้ามาละเลงอย่างเมามัน และเมื่อผ่านไปสักระยะก็จะโรยราไปตามระเบียบพะย่ะค่ะ

ส่วนรายที่มีประเด็นให้นักเล่นต้องเม้าท์แตกกันต่อไป “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น JMART อีกคำรบ เพราะการโยนบิ๊กล็อตจำนวน 40 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 26.50 บาท ทั้งที่เมื่อวานซืนเพิ่งสร้างความสั่นสะเทือนให้กับตลาดหุ้นไทย จึงกลายเป็นช็อตที่ทำให้นักเล่นเกิดอาการหวั่นไหวไปตามกัน และทำให้การยืนปิดที่ระดับ 29.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.91 พันล้านบาทเกิดคำถามขึ้นมาอีกครั้งแบบนี้..เวลาจะเป็นตัวบอกเล่าเรื่องราวเองค่ะ

เช่นเดียวกับในรายของ GUNKUL ก็มีประเด็นที่ติดตามดูกันต่อไปเรื่อย ๆ แต่ในระหว่างที่หายแพนิกกันอย่างพร้อมเพรียง ก็เปิดช่องให้ขาลุยเข้ามาไล่หุ้นอย่างดุดัน จนราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.30 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 3.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 776 ล้านบาทแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะของการไหลตามน้ำโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะข้อมูลมันชัดเจนแล้วว่า ผลกระทบมีแค่ไหน? และราคายืนพื้นควรอยู่ที่ 5 บาทก็เท่านั้นเอง

อีกรายที่สร้างความหวาดหวั่นให้กับนักเล่นสายแวลูที่ชอบแกะงบมาดูก็คือ OR หลังตัวเลขไตรมาส 4 ปี 65 ประสบปัญหาขาดทุน 700 กว่าล้าน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก ๆ สำหรับหุ้นที่กำลังอยู่ในช่วงปั้นทรงให้โต และเรื่องนี้ก็จะตามหลอกหลอนต่อไปอีกระยะหนึ่ง จนสุดท้ายพิสูจน์ให้เห็นว่า ไตรมาส 1 ปี 66 ปั้นกำไรได้จริง ๆ เมื่อนั้นจะเห็นราคาหุ้นกลับมาโบยบินอีกครั้ง..จึงต้องประเมินว่า การยืนปิดเสมอตัวที่ 22.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 929 ล้านบาท เสี่ยงแค่ไหน?..อิอิอิ

ส่วนรายที่ทำท่าขึ้นต้นมาดี แต่สุดท้ายก็เหลวเป๋ว คงไม่มีใครเกินหน้าไปกว่าหุ้นน้องใหม่อย่าง PQS เพราะพี่ท่านพานักเล่นไป “ทัวร์สวรรค์ ทัวร์นรก” ในวันเดียว จนทำให้คณะทัวร์ต่าง ๆ ตระหนักถึงความโหดของแก๊ง “ว.” กับ “ป.” ขึ้นมาแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นภาพจำที่ไม่ดีสำหรับหุ้นตัวนี้ แถมวานนี้ยังซ้ำดาบสองด้วยการกระหน่ำสาดหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 5.15 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 10.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 762 ล้านบาทแบบนี้..เขาสาปส่งกันเป็นแถวเลยนะคุณพี่!

อีกรายที่ทำเม่าค้างดอยกันเป็นแถว “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น NTSC ซึ่งคับคั่งไปด้วยขาใหญ่ที่ช่วยกันลาก แต่สุดท้ายก็ลากต่อไม่ไหว จึงปล่อยให้ราคาหุ้นร่วงลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ปิดไปที่ระดับ 37 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 2.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 110 ล้านบาท กลายเป็นเกมที่เม่าต้องอ่านใจพวกขาใหญ่ว่า ใครจะเป็นพระเอกเข้ามาดันหุ้น หรือจะใครจะถอนสมอเป็นคนแรก เพราะมันหมายถึง ทิศทางของหุ้นต่อจากนี้น่ะซี

ตบท้ายกันที่หุ้นทีเด็ดอย่าง BKD กันดีกว่า! เพราะรายนี้คัมแบ็คแบบเต็มตัวในทุกมิติ จึงกลายเป็นหุ้นที่เม่าเล่นได้อย่างสบายใจเฉิบ แถมพรายกระซิบแอบเม้าท์ให้ฟังว่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนการเติบโตที่ได้วางโมเดลไว้ ปีนี้จะเป็นบันไดขั้นแรกของการวางตัวเป็น “โกรทสต๊อก” “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินกันว่า การยืนปิดที่ระดับ 3.04 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 4.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 112 ล้านบาท น่าสนใจอ๊ะป่าว?

Back to top button