“ดาวโจนส์” ดิ่งกว่า 300 จุด ผวาเฟดขึ้นดอกเบี้ยแรง หลังเงินเฟ้อพุ่ง-จ้างงานแกร่ง
“ดาวโจนส์” ดิ่งกว่า 300 จุด ผวาเฟดขึ้นดอกเบี้ยแรง หลังเงินเฟ้อพุ่ง-จ้างงานแกร่ง โดย ณ เวลา 21: 43 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,805.39 จุด ลบ 322.66 จุด หรือ 0.95%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 300 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาด และตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดย ณ เวลา 21.43 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,805.39 จุด ลบ 322.66 จุด หรือ 0.95%
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ประจำเดือนม.ค.ในวันนี้ โดยตัวเลข PPI ดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ ดัชนี PPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 6.0% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.4%
ทั้งนี้เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.4%
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 4.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี อีกทั้งเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.3%
ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนม.ค.ในวันอังคาร โดยตัวเลข CPI สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 194,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ราย
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐ
นักลงทุนกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานกว่าที่คาดไว้ และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.5% หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด และตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 3 ครั้งในการประชุมเดือนมี.ค., พ.ค. และมิ.ย. สู่ระดับสูงสุดที่ 5.25-5.50% และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธ.ค.