ชอร์ตเซล ตระกูล ‘J’
วานนี้ (20 ก.พ.) หุ้นกลุ่มเจมาร์ทพาเหรดขึ้นทั้งหมด นำโดย JMART บวก 2.00 บาท ราคาหุ้นมาปิด 29.25 บาท เปลี่ยนแปลง +7.34% มูลค่าซื้อขาย 1,724.8 ล้านบาท
วานนี้ (20 ก.พ.) หุ้นกลุ่มเจมาร์ทพาเหรดขึ้นทั้งหมด
นำโดย JMART บวก 2.00 บาท ราคาหุ้นมาปิด 29.25 บาท เปลี่ยนแปลง +7.34% มูลค่าซื้อขาย 1,724.8 ล้านบาท
JMT บวก 1.75 บาท ราคาหุ้นขึ้นมาปิด 47.50 บาท เปลี่ยนแปลง +3.83% มูลค่าซื้อขาย 1,667 ล้านบาท
SINGER บวก 4.20 บาท ราคาหุ้นขึ้นมาปิด 21.50 บาท เปลี่ยนแปลง +24.28% มูลค่าซื้อขาย 3,270.5 ล้านบาท
และ SGC บวก 0.26 บาท ราคามาปิดที่ 3.86 บาท เปลี่ยนแปลง +7.22 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,034 ล้านบาท
ส่วนหุ้น J บวก 0.14 บาท ราคาปิดที่ 3.72 บาท เปลี่ยนแปลง +3.91% มูลค่าซื้อขาย 9.8 ล้านบาท
หากดูเฉพาะวอลุ่มการซื้อขายรวมกันทั้ง 4 หุ้นในกลุ่ม J จะมีมูลค่ารวมกันกว่า 7,700 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15% ของมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งตลาดเมื่อวานนี้ (53,391 ล้านบาท)
ในด้านของข่าวที่เกี่ยวกับบุคคลกลุ่มต่าง ๆ จะไม่ขอเขียนถึง
แต่จะดูเฉพาะข้อมูลที่เป็น Fundamental พื้นฐานของหุ้นจริง ๆ จะพบว่า
ราคาหุ้นตระกูล J ต่างปรับลงมาปิดเมื่อวันศุกร์ (17 ก.พ.) ทำให้เกิดมูลค่าที่น่าสนใจ
1.JMART ระดับ P/E ลงมาใกล้ต่ำกว่า 20 เท่า และมี P/BV ประมาณ 2 เท่า ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 46% จากราคา IAA Consensus target price ซึ่งอยู่ที่ 51 บาท
2.JMT ระดับ P/E ลงมาที่ 38 เท่า P/BV ที่ 2.9 เท่า
และหุ้นมีอัพไซด์จากราคา IAA Consensus target price ซึ่งอยู่ที่ 61.28 บาท หรือมีอัพไซด์ถึง 34%
3.SINGER ระดับ P/E เหลือเพียง 15 เท่า หรือต่ำสุดในกลุ่มฯ และมี P/BV ที่ 0.80 เท่า
หุ้นมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายเฉลี่ยถึง 33%
4.SGC ระดับ P/E ลงมาที่ 17.6 เท่า P/BV เพียง 2 เท่า
หุ้นมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายเฉลี่ย 40%
ดูจากตัวเลขสำคัญเพื่อสะท้อนพื้นฐานของหุ้นในตระกูล J แล้ว อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้วานนี้ราคาต่างดีดกลับค่อนข้างแรงโดยเฉพาะ SINGER
ราคาหุ้นทั้งกลุ่มฯ น่าจะสะท้อนกับข่าวลบ ๆ ไปค่อนข้างมาก
หากจะถามว่า แล้วราคาจะวิ่งต่อไปได้อีกไหม
จากการประเมิน ราคาหุ้นทั้งกลุ่มฯ อาจจะยังผันผวนต่อไปอีกสักระยะ
หรือตลอดสัปดาห์นี้
เพราะหุ้นยังคงมีนักลงทุนติดอยู่ระดับข้างกันค่อนข้างมาก
น่าจะมีการเข้ามาซื้อขาย เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุน
หรืออาจจะมีการเข้ามาลงทุนซ้ำที่เป็นของกลุ่มนักลงทุนขายหุ้นตัดขาดทุนออกมาก่อนหน้านี้
และกลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาเก็งกำไรจากราคาดีดขึ้นทางเทคนิค
ในด้านของซิงเกอร์ที่ปรับขึ้นแรงวานนี้ อาจทำให้อัพไซด์เกิดจำกัดมากขึ้นจากราคาวันศุกร์ หรือเหลือไม่ถึง 10% ซึ่งน่าจับตาดูว่า ราคาจะไปต่อ หรือว่ามีดักขายทำกำไรหรือไม่
ในด้านจิตวิทยาหากซิงเกอร์ฯ ลง
อาจทำให้หุ้น SGC ปรับลงมาด้วย ทั้งที่ไม่ค่อยได้เกี่ยวเนื่องกันมากนัก
ในทางกลับกัน SGC ในด้านพื้นฐานล่าสุด ดูจะดีกว่าซิงเกอร์ฯ เสียด้วยซ้ำจากจากพื้นฐานปัจจุบัน และแนวโน้มในช่วง 2-3 ปีนับจากนี้
บล.เอเซีย พลัส ให้ราคาเป้าหมาย SGC ที่ 5.60 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท
บล.ทิสโก้ ให้ราคาเป้าหมาย 5.30 บาท
ส่วนบล.กสิกรไทย ให้ราคาเป้าหมายลงมาเหลือเพียง 4.10 บาท
หุ้นตระกูล J ที่ปรับลงมาอย่างหนัก
หากใครเข้าไปรับเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
หรือมีการขายชอร์ต (Short Sell) ไว้ก่อนหน้านี้
กระเป๋าคงตุงกันน่าดู