ลงวัน ขึ้นวัน..ลงวัน ขึ้นวัน

“โมนิก้า” ตั้งใจจะเม้าท์มอยเรื่องนักลงทุน “รุ่นใหญ่” ปะทะ “รุ่นเล็ก” เพื่อโหนกระแสชาวบ้านเหมือนกับคนอื่น ๆ แต่เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนเริ่มพลิกอย่างมีนัยสำคัญ


เดิมที “โมนิก้า” ตั้งใจจะเม้าท์มอยเรื่องนักลงทุน “รุ่นใหญ่” ปะทะ “รุ่นเล็ก” เพื่อโหนกระแสชาวบ้านเหมือนกับคนอื่น ๆ แต่เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนเริ่มพลิกอย่างมีนัยสำคัญ จึงขอพักเบรกเรื่องร้อน ๆ ที่บรรดาขาเผือกอยากรู้ไว้เป็นการชั่วคราว เพราะสิ่งที่เห็นในเที่ยวนี้มันเป็นไกด์ไลน์สำหรับการเล่นในวันถัดไป เลยทำให้เดี๊ยนต้องดับอารมณ์ความเผือกเป็นการชั่วคราวนะจะบอกให้

ถามว่า การขึ้นมาปิดของดัชนีที่ระดับ 1,657.69 จุด บวกไป 6.02 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.33 หมื่นล้านบาท มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษไหม? เดี๊ยนขอตอบว่า มีความพิเศษเป็นอย่างยิ่ง เพราะการขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,650 จุดในลักษณะวาบหวิว มันทำให้นักเล่นต้องลุ้นกันอีกยกอย่างเลี่ยงไม่ได้ และตรงจุดนี้จะเป็นแรงบีบคั้นสำหรับนักลงทุนที่คิดจะไล่ซื้อหุ้นแบบสุดซอยไงล่ะคะ

เนื่องจากแพทเทิร์นที่เห็นในช่วง 4 วันที่ผ่านมาเป็นแบบ “ลงวัน ขึ้นวัน..ลงวัน ขึ้นวัน” โดยกรอบการเล่นยังอยู่ในระดับ 1,640-1,660 จุด ซึ่งเป็นการย้ำหัวให้เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยยังไม่พร้อมจะขึ้นยาว ๆ เพราะปัจจัยบวกหลายอย่างยังไม่เป็นใจ ส่งผลให้การขึ้นของหุ้นหลายตัวเป็นลักษณะ “ขึ้นเพื่อลง” เสียส่วนใหญ่ หรือบางตัวก็เป็นลักษณะ “ลงเรื่อย ๆ” จึงอยากให้แฟนคลับประเมินกันว่า จริงเหมือนที่เม้าท์ให้ฟังอ๊ะป่าว?

เหมือนกับในรายของหุ้นสะดวกซื้อ CPALL โดนขายหนักชนิดที่พวก “วีไอ” ได้แต่ยืนหน้ามึนกันเป็นแถว พร้อมกับเอามือกุม..แบบนี้ เดี๊ยนคงพูดได้แค่ว่า คงต้องพึ่งผู้นำจิตวิญญาณที่ชอบออกตัวแรงในเรื่องต่าง ๆ ช่วยมาคอมเมนต์ถึงสถานการณ์ดังกล่าวสักหน่อย เพราะอาการแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 (ทิ้งแรงแล้วแกว่งตัวแคบ ๆ) โดยที่วานนี้หุ้นลงมาปิดที่ระดับ 64.25 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.81 พันล้านบาทแล้วน่ะซี

ส่วนรายที่ทำท่าจะไปได้สวยงามตามท้องเรื่อง แต่เอาเข้าจริงดันกลายเป็นนกปีกหัก “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น AAV ด้วยอาการเซ็งเป็ดสุด ๆ เพราะเดี๊ยนไม่สามารถอธิบายเหตุผลที่ราคาหุ้นทรุดตัวลงมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 2.82 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 3.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 268 ล้านบาท ยกเว้นเรื่องเดียวที่พูดได้เต็ม ๆ คือ ราคาหุ้นวิ่งนำพื้นฐานมากเกินไป จึงโดนขายทิ้งเพื่อปรับสมดุลเจ้าค่ะ

ผิดกับในรายของหุ้นโรงแรมอย่าง ERW เพราะรายนี้โดนขายหนักทีไร ต่อจากนั้นก็ยกฐานสูงขึ้นกว่าเดิมได้ทุกที “โมนิก้า” จึงไม่วอรี่กับการทรุดตัวลงไปถึง 4.54 บาท เพราะสุดท้ายก็ตีตื้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.68 บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 281 ล้านบาท แถมมีสตอรี่เกี่ยวกับ “เทิร์นอะราวด์” มาเป็นแบ็คอัพให้กับหุ้นแบบนี้..บอกได้คำเดียวว่า มันแน่นอน!..แต่อย่าเพิ่งวงแตกกันก่อนนะจ๊ะ

สำหรับรายที่ต้องลุ้นหนักจะกลับมาโตไหม? คงมองที่หุ้นปูนใหญ่ SCC เพื่อชี้ให้เห็นอาการแกว่งตัว “ลงวัน ขึ้นวัน” มันมาจากความไม่ชัดเจนของทิศทางธุรกิจในเครือ แถมระหว่างทางก็มีข่าวลือในทางร้ายออกมาเป็นระลอก “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นย่ำอยู่กับที่เป็นเวลาร่วมเดือน และการยืนปิดที่ระดับ 338 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 0.30 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 176 ล้านบาท ก็บอกให้รู้ หนูยังไม่พร้อม..อุ๊ย..หุ้นยังไม่พร้อม นะคุณพี่!

ส่วนรายที่อยู่ในข่าย end game” ชนิดที่นักเล่นติดดอยกันเป็นแถบ “โมนิก้า” คงต้องมองไปที่หุ้น KCC ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นแหล่งชุมนุมบรรดาขาใหญ่ แต่สุดท้ายก็เล่นกันแบบแทงกั๊กมาตลอด จนทำให้ขาใหญ่บางคนต้องโบกมือลาก่อนเวลาอันควรแบบนี้ มันเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า รอบนี้มีสิทธิ์ทำ all time low ค่อนข้างสูง หลังราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 6.35 บาท ลบไป 0.45 บาท หรือลงไป 6.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50 ล้านบาท  ซึ่งใกล้โลว์เก่าที่ระดับ 5.95 บาทเจ้าค่ะ

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น IIG ก็มีแรงขายไหลออกมาเรื่อย ๆ จนโมเมนตัมของหุ้นเสียศูนย์เป็นเวลาร่วม 6 เดือนแบบนี้ ก็เป็นจังหวะที่ต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง? เนื่องจากการลงมายืนปิดที่ระดับ 33.25 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50 ล้านบาท ยังเป็นการเทรดที่ระดับ PE 41 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่สูงเกินไปสำหรับหุ้นที่มีความกังวลเรื่องไม่โตนะจะบอกให้

Back to top button