TU วิ่งต่อ 1% โบรกชี้กำไรปีนี้ 7.6 พันล้าน แนะนำ “ซื้อสะสม” เป้า 21.20 บ.
TU บวกอีก 1% แนวโน้มไตรมาส 1/66 ฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ ฟากโบรกคาดกำไรปี 66 อยู่ที่ 7,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.73% จากงวดเดียวของปีก่อน แนะนำ “ซื้อสะสม” ราคาเป้าหมาย 21.20 บาท เตรียมจ่ายปันผล 0.44 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD วันที่ 03 มี.ค. 66
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 ก.พ. 66) ราคาหุ้น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ล่าสุด ณ เวลา 10:42 น. อยู่ที่ระดับ 16.20 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 1.25% สูงสุดที่ระดับ 16.30 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 16.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 108.86 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้น TU เด้งต่อเป็นวันที่ 2 หลังจากลงไปสู่เขตขายมากเกินไป จึงทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรรอบใหม่หลังจากนักวิเคราะห์ประเมินแนวโน้มปี 66 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
โดยบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ระบุว่า สำหรับแนวโน้มในช่วงไตรมาส 1/66 นี้เบื้องต้นคาดว่าจะฟื้นตัวได้จากฐานที่ต่ำเนื่องจาก Fx Loss ในไตรมาส 4/65 แม้ว่าในแง่ของมาร์จิ้นยังจะโดนกดดันจากราคาวัตุดิบที่ยังอยู่ในระดับสูง ธ.ค.65-ม.ค.66 โดยราคาต้นทุนปลาทูน่าในเดือน ม.ค.66 อยู่ที่ 1,680 ดอลลาร์/ตัน แต่มองว่าปัจจัยลบดังกล่าวยังจะพอชดเชยได้จากปริมาณการขายที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นโดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจ PetCare ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นที่ดี
สำหรับปัจจุบันมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มการดำเนินงานในอนาคตของ TU โดยปัจจัยแรกมาจากโมเมนตัมการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจ Petcare และธุรกิจ Value-added ซึ่งในส่วนของ Petcare ได้ทำการนำกลุ่มธุรกิจจดทะเบียนในตลาดแล้ว (i-tail;ITC) และ ปัจจัยที่สองมาจากการลงทุนในธุรกิจที่มีความน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนใน Food Tech(Jellagen, Algama), Alternative Protein, เครื่องปรุงรส RBF, ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (Zeavita LISA DHA Shot ร่วมกับ IP , ZEA ร่วมกับ Thai Bev) เป็นต้น
โดยปัจจุบันประมาณการกำไรสุทธิปี 66 อยู่ที่ 7,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.73% จากงวดเดียวของปีก่อน และปี 67 อยู่ที่ 8,049 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.64% จากงวดเดียวของปีก่อน แนะนำ “ซื้อสะสม” วางราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 21.20 บาท
อนึ่ง TU ประกาศจ่ายปันผลที่ 0.44 บาท/หุ้น จะขึ้น XD วันที่ 03 มี.ค. 66 คิดเป็น Dividend Yield จากราคาปิดที่ 16.00 บาท ที่ 2.75%
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า คาดกําไรปี 66 จะดีขึ้นราว 5% จากงวดเดียวของปีก่อน ซึ่งจากการฟื้นตัวของผลการดําเนินงานของ Red Lobsterและอาจไม่เห็นผลกระทบจากการวัดมูลค่าเงินลงทุนใน Red Lobster จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นในปี 65 ขณะที่ยอดขายยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากเกือบทุกผลิตภัณฑ์หลัก ส่วนต้นทุนในการขนส่งมีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตามภายหลังการประชุมนักวิเคราะห์อาจมีการปรับประมาณการอีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้นคงราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 21 บาท อิง PBV 1.6 เท่า แม้ว่าการเติบโตของกําไรจะไม่สูง แต่ราคาหุ้นปัจจุบันยังพอมี Upside บวกกับปันผลสำหรับผลการดําเนินงานครึ่งปีหลังที่บริษัทประกาศจ่ายอีก 0.44 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 3 มี.ค. 66 คิดเป็น Residual Dividend Yield อีก 2.75% จึงยังคงคำแนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 21.00 บาท