PROUD เทิร์นอะราวด์เต็มตัว

หลังจากไตรมาส 3/65 เริ่มโหมโรง “ตั้งลำกำไร” เกือบ 120 ล้านบาท จนมาปิดงวดปี 2565 บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD กำไรสุทธิเกือบ 230 ล้านบาท (ไตรมาส 4/65 กำไรสุทธิเกือบ 170 ล้านบาท) ขณะที่รายได้พุ่งขึ้นมา สู่ระดับ 2,110 ล้านบาท จากปีก่อนตัวเลขไม่ถึง 5 ล้านบาท

หลังรับรู้ยอดโอน “โครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน” มูลค่ากว่า 2,099 ล้านบาท จากต้นทุนจากการโอนห้องชุดโครงการดังกล่าว 1,336 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 36%

ส่วนปีนี้เตรียมส่งคอนโดมิเนียมหรู เจาะตลาดลูกค้าระดับ Luxury ภายใต้ “โครงการคอนโดรมย์ คอนแวนต์” รวมมูลค่า 41,500 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพสีลม-สาทร-ลุมพินี รวมถึงโครงการบ้านเดี่ยววี อารีย์ มูลค่า 500 ล้านบาท ที่จะเปิดตัวเดือน เม.ย.นี้

ปัจจุบัน PROUD มีแบ็กล็อกมูลค่าเกือบ 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ปีนี้ 2,100 ล้านบาท โดยตั้งเป้ามีรายได้เติบโต 10% และตั้งเป้ามียอดขายแตะ 3,200 ล้านบาท จากโครงการคอนโดรมย์ คอนแวนต์ มูลค่า 2,000 ล้านบาท, โครงการคอนโด เวหา มูลค่า 800 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยว วี อารีย์ มูลค่า 500 ล้านบาท

ทำให้ PROUD เทิร์นอะราวด์อย่างชัดเจน หลังกลุ่ม “ลิปตพัลลภ” เริ่มเข้ามาช่วงกลางปี 2562

โดยกลุ่ม “ลิปตพัลลภ” มีการเข้าตลาดหุ้น ผ่านทางประตูหลัง (Backdoor Listing) หุ้นบริษัท โฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FOCUS จนกลายมาเป็นบริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD ในปัจจุบัน

จุดเริ่มต้นจากบอร์ด FOCUS มีมติซื้อที่ดิน 2 แปลง 12 ไร่ 3 งาน 58.3 ตารางวา ตั้งอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่า 1,325 ล้านบาท จากบริษัท พราว รีสอร์ท หัวหิน จำกัด (7 ไร่ 2 งาน 48.8 ตารางวา) และบริษัท วานา นาวา จำกัด (5 ไร่ 1 งาน 9.5 ตารางวา)

ด้วยเงื่อนไขการชำระค่าที่ดินคือ 1) ชำระเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนมูลค่า 650 ล้านบาท ให้กับ “พสุ ลิปตพัลลภ” และ “พราวพุธ ลิปตพัลลภ” 2) ชำระด้วยเงิน (ผ่านการกู้ยืมสถาบันการเงิน) 650 ล้านบาท 3) ใช้กระแสเงินสด/ตั๋วสัญญาใช้เงิน 25 ล้านบาท

ทำให้ “พสุ” และ “พราวพุธ” ลูกชายและลูกสาวของสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีและนักการเมืองใหญ่ เมืองโคราช กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ FOCUS สัดส่วน 70.18% และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นบริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน)

เรียกว่าดีลดังกล่าวใช้ที่ดินเพียง 12 ไร่ แลกได้ทั้ง “บริษัทในตลาดหุ้น” แถม “มีเงินทอน” อีกต่างหาก.!!

กลยุทธ์การ “เติมเนื้อในกระดอง” และสร้างมูลค่าเพิ่มของ PROUD ไม่น่าแตกต่างจากโมเดลของ “กลุ่มภิรมย์ภักดี” เข้าแบ็กดอร์บริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ RASA และเปลี่ยนชื่อมาเป็นบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S

ที่น่าสนใจของ PROUD การพลิกกลับมามีกำไรดังกล่าว..ถือเป็นการ “เทิร์นอะราวด์” อย่างเต็มตัวแล้ว..!!