LPH ตั้งเป้าปี 66 รายได้โต 25% ทุ่มพันล้านสร้าง 2 โรงพยาบาลเฉพาะทาง “ตา-หัวใจ”
LPH ตั้งเป้าปี 66 รายได้โต 20-25% รับผู้ป่วยนอก-ในเพิ่มขึ้น รายได้ผู้ประกันตนสูงขึ้น เล็งทุ่มงบ 1 พันลบ. สร้าง 2 โรงพยาบาลเฉพาะทาง “ตา-หัวใจ” คาดเปิดบริการปี 68 วางแผนเพิ่มโรงพยาบาลตรวจสุขภาพอีก 2 แห่ง
ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดปี 2565 (สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2565) มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,437.03 ล้านบาท ลดลง 3.17% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้รวม 2,516.90 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการรักษาพยาบาล 2,152.99 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมา 4.06% ทั้งที่ธุรกิจโรงพยาบาลตามปกติธุรกิจยังคงเติบโตต่อเนื่อง 12.35% โดยรายได้จากการรักษาพยาบาลตามปกติ เติบโตขึ้น 11.06% เทียบกับปีก่อน แบ่งเป็นรายได้รักษาพยาบาลทั่วไปเติบโต 18.56% รายได้โครงการประกันสังคมเพิ่มขึ้น 0.44% ขณะที่รายได้จากธุรกิจส่งเสริมสุขภาพมีการขยายตัวต่อเนื่องเติบโต 23.10% แต่รายได้จากการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจำนวน 291.98 ล้านบาท หรือลดลง 47.36% จากการสิ้นสุดภาวะการระบาดของโรคโควิด-19
นอกจากนี้ รายได้จากการให้บริการของบริษัทย่อย (บริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMARC ในปี 2565 ยังคงเติบโตต่อเนื่องในอัตรา 7.32% จากปีก่อน หลังเข้าตลาด mai ปลายปีที่ผ่านมา คาดว่าปี 2566 นี้จะเติบโตประมาณ 20-25% ตามแผนธุรกิจที่วางไว้
โดยบริษัทและบริษัทย่อย มีอัตราการทำกำไรขั้นต้นรวมในธุรกิจโรงพยาบาลและธุรกิจบริการ 29.36% แต่ด้วยภาระการเพิ่มขึ้นของต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนเพื่อขยายศักยภาพการให้บริการ ในขณะที่รายได้ของโครงการลงทุนขยายทั้งของบริษัทใหญ่และบริษัทย่อยจะยังไม่เติบโตมากในช่วงต้น รวมถึงปีที่ผ่านมายังคงเป็นปีที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว Economy of Scale จึงลดลง ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตน้อยกว่าปีที่ผ่านมา 30.49% โดยมีกำไรสุทธิรวม (ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่) จำนวน 322.91 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13.25%
อย่างไรก็ตาม เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น และสะท้อนความเชื่อมั่นการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตรา 52.15% จากผลประกอบการกำไรสุทธิประจำปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท เป็นจำนวนเงินรวม 180 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 2 ครั้ง ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565 และจ่ายปันผลระหว่างกาลครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท รวมเป็นเงิน 108 ล้านบาท ดังนั้นคงเหลือการจ่ายเงินปันผลอีกในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท วันกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 วันที่จ่ายปันผล 19 พฤษภาคม 2566
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2566 ตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโต 20-25% เมื่อเทียบกับปี 2565 เนื่องจากฐานผู้ป่วยภาคปกติเติบโตต่อเนื่อง ทั้งจากผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) บวกกับมีแผนการเร่งขยายฐานผู้ป่วยชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวอาหรับ และกัมพูชา โดยประเมินรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติในปี 2566 ไว้ที่ 120-150 ล้านบาท จากปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 100 ล้านบาท เทียบกับฐานปกติ 80 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะช่วยให้สัดส่วนผู้ป่วยเงินสดเพิ่มสูงขึ้นด้วย
ทั้งนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าในปี 2566 ฐานผู้ป่วยประกันตนจะพุ่งครบโควต้า 200,000 ราย จากปี 2565 อยู่ที่ 170,000 รายเนื่องจากช่วงต้นปีจะเป็นช่วงขอเปลี่ยนสถานพยาบาลของประกันสังคมรอบใหม่ และธุรกิจย่านลาดพร้าวมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดศูนย์การแพทย์ประกันสังคมลาดพร้าวแห่งใหม่ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลเดิมด้วย เพื่อรองรับฐานผู้ป่วยที่ใหญ่ขึ้น สามารถรับผู้ป่วยนอกประกันสังคม วันละ 1,000 คน และเป็นศูนย์ตรวจสุขภาพประกันสังคมด้วย
นอกจากนี้ ในปี 2566 มีแผนการลงทุนสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทางแห่งใหม่ที่ถนนลาดพร้าว โรงพยาบาลจักษุอินเตอร์ฯ ลาดพร้าว มูลค่าการลงทุน 500 ล้านบาท และโรงพยาบาลศัลยกรรมเฉพาะทางรวมผ่าตัดหัวใจครบวงจร มูลค่าการลงทุน 500 ล้านบาท วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมเปิดให้บริการปี 68 และบริษัทมีแผนขยายการลงทุน โรงพยาบาลตรวจสุขภาพเพิ่มขึ้น จากเดิมเปิด โรงพยาบาลตรวจสุขภาพ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะเพิ่มอีก 2 แห่ง ที่โคราช และฉะเชิงเทรา เพื่อขยายฐานลูกค้าโรงงานขนาดกลางและเล็กที่มีจำนวนพนักงานไม่เกิน 500 คน คาดรายได้ในส่วนตรวจสุขภาพนอกสถานที่จะเติบโตกว่า 50%