“บล.พาย” คัด 15 หุ้นปัจจัยบวกเฉพาะตัว ชี้ SET สัปดาห์นี้ 1,600-1,650 จุด
“บล.พาย” แนะเก็ง 15 หุ้นรับปัจจัยบวกเฉพาะตัว คาด SET สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,600 – 1,650 จุด แนะจับตาข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศ-ต่างประเทศ
บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ “Pi” ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คืนวันศุกร์ (24 ก.พ.66) ที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงาน PCE (ดัชนีราคาด้านการบริโภค) พบว่าขยายตัว 5.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สูงกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ Core PCE ขยายตัว 4.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สูงกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 4.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน รายละเอียดด้านในพบว่าพร้อมกับยอดขายบ้านมือหนึ่งที่ 6.7 แสนหลังคาเรือนสูงกว่า Bloomberg คาดไว้ที่ 6.2 แสนหลังคาเรือน ส่งผลให้นักลงทุนกลับมากังวลกับภาวะดอกเบี้ยในสหรัฐฯอีกครั้งสะท้อนผ่านการแข็งค่าของ Dollar Index และการปรับขึ้นของ US Bond Yield มองเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นเอเชียในต้นสัปดาห์โดยสถิติแล้วระหว่าง CPI, PCE ส่วนต่างระหว่างกันอยู่ที่ 0.5%
สำหรับสัปดาห์นี้ติดตาม (1) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐฯ ในวันอังคาร Bloomberg คาดที่ 108.5, (2) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคผลิตในวันพุธ (ISM PMI) Bloomberg คาดการณ์ที่ 47.9 ส่วนในประเทศเน้นที่ (1) การรายงานมูลค่าการค้าระหว่างประเทศประจำเดือน ม.ค. โดย Bloomberg คาดการณ์ว่าจะประกาศในช่วงวันที่ 27 ก.พ. – 1 มี.ค. เบื้องต้นประเมินว่าจะติดลบราว 1.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และนำเข้าลบ 3.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หากประกาศแล้วต่ำกว่าคาดจะยิ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น
(2) โค้งสุดท้ายสำหรับผลประกอบการไตรมาส 4/65 ข้อมูลล่าสุดพบว่า SET100 รายงานออกมาแล้วราว 66 หุ้นพบว่า 47% ต่ำกว่า Bloomberg คาดการณ์ 30% เป็นไปตามที่คาดการณ์ 23% ดีกว่าคาดการณ์ Sector ที่ดีกว่าคาดการณ์จะอยู่ในโรงพยาบาล (BH), สินค้า IT (COM7), สื่อสาร (DTAC), โรงไฟฟ้า (EA, GULF), นิคมอุตสาหกรรม (WHA), โรงแรม (MINT)
ส่วนอุตสาหกรรมที่ต่ำกว่าคาดจะอยู่ใน Global Play (โรงกลั่น, ถ่านหิน, ปิโตรเคมี) สัปดาห์นี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,600 – 1,650 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุนตลาดเริ่มปรับฐานลงมาสอดคล้องกับที่เราแนะนำมาตลอดต่อการถือครองเงินสดและยังคงเน้นการถือครองเงินสดสูงต่อไปเนื่องจากยังมองไม่เห็นปัจจัยบวกและ Valuation ก็ค่อนข้างแพงส่วนรับความเสี่ยงสูงเน้น Trading แนะหุ้นมีปัจจัยบวก อาทิ ท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, ERW, MINT, SPA, SHR, VRANDA), สื่อสาร (ADVANC, INTUCH), ส่งออก (ASIAN, TU) ผลบวกเงินบาทอ่อนค่า, โรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC, GULF, RATCH) ตามต้นทุนแก๊สที่ปรับลงต่อเนื่อง
TU แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23.50 บาท ด้วยธุรกิจของ TU ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคขณะที่สินค้าในกลุ่มอาหารกระป๋องมีราคาต่อหน่วยที่ไม่สูงนัก จึงคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจถดถอยไม่มากนัก นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (TU ถือหุ้นใน ITC 78%) ยังคงเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่องจากความต้องการที่ยังคงมีอยู่มาก รวมถึงโรงงานใหม่ที่จะเสร็จในช่วงต้นปี 66 จะหนุนความสามารถในการผลิตให้เพิ่มขึ้นได้
VRANDA แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9.50 บาท บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/65 มีกำไรสุทธิที่ 18.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 841% จากไตรมากก่อน และเพิ่มขึ้น 47% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมตามการผ่อนคลายมาตรการ COVID-19 และการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยแนวโน้มการฟื้นตัวจากนี้เชื่อว่าจะดำเนินต่อเนื่อง ทางฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรปี 66 จะขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่ Valuation ยังไม่แพงมากนักซื้อขายเพียง 1.3 เท่า เทียบกับโรงแรมขนาดใหญ่อยู่ที่ 4 เท่า