STI เปิดกำไรปี 65 แตะ 146 ล้าน จ่อปันผล 0.17 บ. วางเป้ารายได้ปีนี้โต 10%
STI โชว์กำไรปี 65 แตะ 146 ล้านบาท กวาดรายได้ปี 65 ทะลุ 1.7 พันล้านบาท ปักหมุดรายได้ปี 66 โต 10% รับอุตสาหกรรมฟื้น ตุนแบ็กล็อกแน่น 4.2 พันล้าน เล็งรับรู้รายได้ 2-3 ปี เตรียมจ่ายปันผล 0.17 บ. ขึ้น XD 10 พ.ค.66 และจ่ายปันผล 25 พ.ค.66
บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI รายงานผลการดำเนินงานปี 65 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.65
นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI กลุ่มผู้นำในธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมกลุ่ม STI ประสบความสำเร็จในปี 2565 จากการทยอยส่งมอบงานในมือที่อยู่ในระดับสูง หลังสถานการณ์โควิดผ่อนคลาย สะท้อนการเป็นที่ปรึกษาชั้นนำที่ได้รับความไว้วางใจให้ออกแบบ และควบคุมงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ระดับประเทศ และยังคงรักษาความแข็งแกร่งทางด้านฐานะการเงินได้เป็นอย่างดี ทำให้ผลการดำเนินงานปี 2565 เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา
สำหรับผลประกอบการปี 2565 เดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการ 1,736.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 1,732.8 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง มีสัดส่วนกว่า 81% แม้แผนพัฒนาโครงการบางส่วนมีการชะลอตัวเนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565
อย่างไรก็ตาม งานโครงการได้ทยอยกลับมาพัฒนาต่อในช่วงที่เหลือของปีหลังโควิดคลี่คลายอย่างต่อเนื่องตามแผน เช่น โครงการ One Bangkok โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีรายได้จากธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมและธุรกิจอื่น มีสัดส่วน 19% ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุหลักมาจากงานบริการส่วนนี้สามารถดำเนินการเพื่อส่งมอบได้มากขึ้นภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดที่มีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะงานในส่วนของบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด (AEC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย
ขณะที่ ต้นทุนการให้บริการลดลง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 538.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6.2% มีอัตรากำไรขั้นต้นปี 2565 อยู่ที่ 31% และในปี 2564 อยู่ที่ 29.3% สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนการให้บริการที่ดีขึ้นภายหลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดคลี่คลายลง ส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 145.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 144.4 ล้านบาท
นายสมเกียรติ กล่าวต่ออีกว่า ในปี 2566 กลุ่ม STI ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน เนื่องจากบริษัทเห็นโอกาสจากภาพรวมอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวในปีนี้ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญมาจากความต่อเนื่องของงบการลงทุนและแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล เพื่อบรรลุเป้าหมายตามแผนปฏิบัติการภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย เช่น ทางหลวง, ทางรถไฟ, สนามบิน และโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงกับพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ความต้องการในการเพิ่มที่อยู่อาศัยและโครงการเชิงพาณิชย์ต่างๆ มีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ
โดยกลุ่ม STI มีความพร้อมในการให้บริการที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้สำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง เช่น Building Information Modeling (BIM), Internet of Things (IoT) และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ทันสมัย เพื่อยกระดับคุณภาพงานสู่มาตรฐานสากล
อีกทั้ง ปัจจุบันกลุ่ม STI มีงานในมือ (Backlog) พุ่งทะยานมากกว่า 4,200 ล้านบาท เตรียมทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 2-3 ปีจากนี้ สร้างความมั่นคงในการทยอยรับรู้รายได้ในระยะยาว
ด้านที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.17 บาท โดยจ่ายจากกำไรสุทธิงวดวันที่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2565 คิดเป็นจำนวนเงิน 102.51 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 73% ของกำไรสุทธิประจำปี 2565 (งบการเงินรวม) หรือคิดเป็น 87% ของกำไรสุทธิประจำปี 2565 (งบการเงินเฉพาะกิจการ) กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2566 ส่วนวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 10 พ.ค. 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลภายในวันที่ 25 พฤษภาคม 2566
ทั้งนี้ การให้สิทธิในการรับเงินปันผลยังไม่มีความแน่นอน เนื่องจากต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีในวันที่ 26 เมษายน 2566