ชาวสวนต้องมา!
ดูเหมือนเรื่องราวที่เม้าท์มอยไปเมื่อวันก่อนได้ทำให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องเกิดอาการสะดุ้งโหยงกันเป็นแถว และยังทำให้บรรดาขาเผือกไปสืบเสาะเรื่องราวเป็นจำนวนมาก
ดูเหมือนเรื่องราวที่เม้าท์มอยไปเมื่อวันก่อนได้ทำให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องเกิดอาการสะดุ้งโหยงกันเป็นแถว และยังทำให้บรรดาขาเผือกไปสืบเสาะเรื่องราวเป็นจำนวนมากนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องราวปกติในแวดวงตลาดหุ้น เพราะทุกคนอยากรู้เหตุผลที่ทำให้ราคาหุ้น “ขึ้นแรง ลงแรง” จึงต้องรีบเช็กข้อมูลกับสายข่าวเพื่อความชัวร์ เพราะบางครั้งก็มีรายการ “ลับลวงพราง” ให้เห็นบ่อย ๆ น่ะซี
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เข้าใจท่าทีของฝรั่งหัวทองมากขึ้นเป็นกอง และเข้าใจเหตุผลที่ต้องสวมบทขายหุ้นหนักแบบสุดซอย จนดัชนีไหลลงมาเรื่อย ๆ ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,622.35 จุด ลบไป 5 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.03 หมื่นล้านบาท ก็เพราะมีเรื่องดอกเบี้ยขาขึ้นค้ำคอหอย และมีความกังวลกำไรไตรมาส 1 อาจไม่ตามเป้า คุณพี่ฝรั่งหัวทองเลยขายหุ้นทิ้งในเดือน ก.พ. ไปกว่า 4 หมื่นล้านพะย่ะค่ะ
การลงมายืนตรงบริเวณแนวรับ 1,620 จุดนี้แหละที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะมันเป็นแนวรับสำคัญอีกแนวหนึ่งที่ดัชนีมีโอกาสเด้งกลับ…หากดัชนีไม่เด้งกลับก็ยังมีแนวรับสำคัญที่บริเวณ 1,600 จุดคอยทำหน้าที่ประคองดัชนี เดี๊ยนถึงเชื่อว่า จังหวะนี้ชาวสวนต้องมาอีกครั้ง เพราะมันเป็นโอกาสของการเล่นรอบที่เวียนมาบรรจบอีกครั้งไงล่ะคะ
เหมือนกับการร่วงลงแรง 2 วันติดของหุ้น TIDLOR จนลงมาใกล้จุดเด้งกลับครั้งก่อนที่บริเวณ 24 บาท ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้เดี๊ยนรู้สึกในใจลึก ๆ ว่า นี่คือโอกาสเล่นรอบ หลังหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 25 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 6.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.75 พันล้านบาท ท่ามกลาง PE 18 เท่าแบบนี้..มันเป็นจุดที่เซฟโซนสุด ๆ ในมุมของแวลู ยกเว้นเอาประเด็นคุมดอกเบี้ยมาประเมินร่วม ก็อาจต้องรอให้หุ้นหยุดลงเสียก่อนเจ้าค่ะ
ในเมื่อเอ่ยถึงประเด็นหยุดลงขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงต้องมองไปที่หุ้น SABUY เพื่อชี้ให้เห็นอาการเด้งกลับช่วงสั้นที่เกิดขึ้นถี่ ๆ โดยมีฐานทัพบัญชาการอยู่ที่บริเวณ 12 บาท มันกลายเป็นจังหวะที่ชาวสวนต้องมาอีกเช่นกัน! เพราะเมื่อดูจากศักยภาพในการทำกำไรที่ดีขึ้นเป็นลำดับ และแวลูในตัวหุ้นที่เพิ่มขึ้นทุกไตรมาส เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ 12.10 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 627 ล้านบาท เหมาะทั้งการ “ตามน้ำ” และ “ซื้อสวน” จ้า!
เรื่องราวหลากหลายรูปแบบทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงเจ้าพ่อถ่านหิน BANPU ขึ้นมาทันที เพราะอาการออกลูกแทงกั๊กเป็นเวลาร่วมเดือน โดยมีกรอบการขยับตัวอยู่ที่ระดับ 10.80-11.50 บาท มันคือจังหวะที่นักเล่นควรสวนทันทีเมื่อย่อตัวลงมาแรง ๆ เดี๊ยนถึงอยากถามแฟนคลับว่า การยืนปิดที่ระดับ 10.90 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 2.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.88 พันล้านบาท ท่ามกลาง BV 16 บาท และมี Yield 2% แบบนี้..น่าลุยไหมล่ะคะ
เช่นเดียวกับการทิ้งตัวของหุ้น FORTH จากระดับ 58 บาท จนลงมาโลว์ที่ระดับ 28.50 บาท ในไตรมาส 4 ปี 65 ก็ทำให้ทุกคนมองว่า ปิดเกม! แต่ทันทีที่เปิดปีใหม่ขึ้นมาปุ๊บ ก็มีการไล่หุ้นอย่างเมามัน จนราคาทะยานขึ้นไปถึงระดับ 45 บาท ก่อนจะโรยตัวลงมาเรื่อย ๆ และยืนปิดที่ระดับ 36.50 บาท ลบไป 3.50 บาท หรือลงไป 8.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 217 ล้านบาทแบบนี้..มันเป็นจังหวะชาวสวนต้องมาหรือเปล่า?..ลองไปคิดกันดูนะคะ
ส่วนหุ้นที่ทำให้กองเชียร์ผิดหวังอย่างรุนแรง และเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับกำไรไตรมาส 1 จะออกมาดีไหม? “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นโรงหมอ EKH อย่างรวดเร็ว เพราะเมื่อแกะไส้ในงบที่ประกาศสด ๆ ร้อน ๆ มันทำให้เห็นว่า มีบันทึกกำไรจากการถือหุ้น “เดอะคลีนิกค์” ขณะที่กำไรจริงในไตรมาส 4 ปี 65 ลดลงถึง 70% จึงกลายเป็นช็อตที่ชาวสวนต้องคิดแล้วว่า การลงมายืนปิดที่ระดับ 8.35 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 8.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 372 ล้านบาทควรเล่นไหม?
ตบท้ายกันที่หุ้นตระกูลออริภายใต้การกุมบังเหียนของคุณ “พี่โด่ง” กันดีกว่า เพราะหุ้นตระกูลนี้มาดีทั้งแผง ไล่เรียงต้องแต่น้องเล็กพีริ PRI เด้งรับกำไรโตด้วยการขึ้นมาปิดที่ 37 บาท บวกไป 4.25 บาท หรือขึ้นไป 13% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 213 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time high ต่อจากนั้นก็เป็นคิวของพี่กลางอย่างบีริ BRI ก็เด้งขึ้นมาปิดที่ 12.60 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 238 ล้านบาท และตอนนี้ก็คงเป็นคิวของพี่ใหญ่อย่าง ORI ที่จะโชว์ของให้ทุกคนได้เห็นนะจะบอกให้