AQUA โกยกำไรปี 65 แตะ 385 ล้าน โต 14% ตั้งเป้าปี 66 ขยายลงทุนกลุ่ม “ขนส่ง-โลจิสติกส์”

AQUA รายงานกำไรปี 65 แตะ 385 ล้านบาท โต 14% พร้อมตั้งเป้าปี 66 เดินหน้าขยายแผนลงทุนกลุ่ม “ขนส่ง-โลจิสติกส์” เพื่อตอบโจทย์การลงทุนเมกะเทรนด์


นายชัยพิพัฒน์ แก้วไตรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทประจำปี 2565 โดยบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 849.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 562.89 ล้านบาท เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 384.95 ล้านบาท โตขึ้นกว่า 14.36% ซึ่งรายได้หลักมาจากธุรกิจกลุ่ม Warehouse เป็นบริการให้เช่าพื้นที่เก็บสินค้าแบบทำสัญญาระยะยาว

โดยผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาค่อนข้างเป็นไปตามเป้าหมายที่ทางบริษัทได้วางเอาไว้ โดยปีที่ผ่านมาบริษัทประกาศเดินหน้าธุรกิจกลุ่มเมกะเทรนด์เริ่มจากธุรกิจ FinTech ที่ได้ลงทุนร่วมกับ บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NEWS ซึ่งเป็นธุรกิจการให้บริการกู้ยืมเงินในรูปแบบ Peer-to-Peer Lending (P2P) ในชื่อ “StockLend by NestiFly” จะสามารถเปิดตัวได้อย่างเป็นทางการและให้บริการได้ภายในไตรมาส 1/2566

ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าธุรกิจ Fintech จะสามารถช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับ AQUA ในอนาคตได้อย่างแน่นอน ต่อมาในช่วงกลางปี 2565 ซึ่งบริษัทได้ร่วมกับพันธมิตรที่โดดเด่นดำเนินธุรกิจ Healthcare จากนั้นเข้าศึกษาและร่วมลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Logistic ตามลำดับ ซึ่งทุกย่างก้าวการลงทุนใหม่ของ AQUA จะเริ่มเห็นผลตอบแทนที่ชัดเจนในปี 2566 เป็นต้นไป

ด้านแผนการดำเนินงานปี 2566 เอง นอกจากจะนับถอยหลังสู่การเปิดตัวธุรกิจ Fintech อย่างเป็นทางการแล้ว AQUA ยังมีธุรกิจกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ที่มีแผนจะขยายการลงทุนให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์การลงทุนเมกะเทรนด์ตามที่ตั้งเป้าไว้ โดยวางแผนให้ทุกกลุ่มธุรกิจมีความเชื่อมโยงและสนับสนุนซึ่งกันและกัน สร้างเป็นระบบนิเวศน์ด้านธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนอันคุ้มค่าต่อทุกการลงทุน

สำหรับปัจจุบัน AQUA ดำเนินงานในรูปแบบ Holding Company โดยมีธุรกิจที่ทำรายได้ให้กับกลุ่มบริษัทอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง คือ 1.) ธุรกิจ Warehouse ให้บริการคลังสินค้าให้เช่า 2.) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าพื้นที่ที่จังหวัดเชียงใหม่ 3.)ธุรกิจกลุ่มพลังงาน โดยการลงทุนผ่านบริษัท EP หรือ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

นอกจากนี้ยังได้เข้าศึกษาและลงทุนในกลุ่มธุรกิจใหม่อย่าง 4.) กลุ่มธุรกิจ Fintech โดยได้ร่วมลงทุนกับ NEWS เพื่อรุกสู่บริการ Peer-to-Peer Lending หรือ P2P 5.) ธุรกิจกลุ่ม Logistic ที่ได้เข้าไปลงทุนใน บริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TP ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมตัวยื่นขอเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ และ 6.) ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นแนวการลงทุนใหม่ที่มองว่ามีความยั่งยืนและสำคัญต่อกลุ่มผู้บริโภค

ขณะที่บริษัทมีอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (Price to Earnings Ratio : P/E) ต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 10.39 เท่า

Back to top button