TU ปิดร่วง 3% ลือหึ่งขาย “เรด ล็อบสเตอร์” เซ่นต้นทุนพุ่ง หลังขาดทุนหนัก

TU ปิดร่วง 3% หวั่นขาย “เรด ล็อบสเตอร์” หลังสหรัฐประสบปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูง และขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก และมีสินค้าค้างสต๊อกอยู่ ฉุดงบประจำปี 65 ลดลง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 14.50 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือ 3.33% สูงสุดที่ระดับ 15 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 14.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.17 พันล้านบาท

สำหรับราคาหุ้นที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง มีข้อมูลจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน ว่า TU กำลังพิจารณาที่จะถอนตัวออกจากธุรกิจเรด ล็อบสเตอร์ (Red Lobster) ซึ่งเป็นเชนภัตตาคารอาหารทะเลรายใหญ่ของสหรัฐที่ประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก หลังจากที่ TU เพิ่งเพิ่มการถือหุ้นในเรด ล็อบสเตอร์ได้ไม่ถึง 3 ปี

ด้านนายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TU กล่าวว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่จะชี้ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงด้านการบริหารและการยกเครื่องการดำเนินงานจะช่วยลดภาวะขาดทุนของเรดล็อบสเตอร์ได้หรือไม่ โดยธุรกิจดังกล่าวประสบปัญหาขาดทุนถึง 9.8 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ซึ่งฉุดผลประกอบการของ TU ลงด้วย แม้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากแรงหนุนของธุรกิจอาหารสัตว์และกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปก็ตาม

อีกทั้งอาจพิจารณาขายธุรกิจ Red Lobster ซึ่งประกอบธุรกิจเครือข่ายร้านอาหาร และธุรกิจสินค้า อุปโภคบริโภคบรรจุภัณฑ์ แต่ตอนนี้ยังไม่มีการตัดสินใจครั้งสุดท้ายออกมา

นอกจากนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กยังอ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ของ นายธีรพงศ์ จันศิริ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าบริษัทฯ ไม่เคยยื้อธุรกิจที่ขาดทุน” และเคยตัดสินใจปิดโรงงานที่ไม่ทำกำไรมาแล้วหลายแห่งในช่วงที่ผ่านมา

สำหรับประเด็นสำคัญที่ได้จากนายธีรพงศ์ คือบริษัทมองว่าธุรกิจอาหารสัตว์จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก และยอดขายไตรมาสแรกปี 2566 อาจชะลอตัวลง เนื่องจากลูกค้าบางรายอาจลดยอดออเดอร์หลังจากที่ซื้อไปเป็นจำนวนมากเมื่อปี 2565 ทำให้ยังมีสินค้าค้างสต๊อกอยู่ รวมถึงความกังวลเรื่องสภาวะถดถอยในประเทศยุโรปกับอเมริกาอาจมีผลกระทบจำกัดต่อ TU เนื่องจากผลิตภัณฑ์ทูน่า และซีฟู้ดเป็นอาหารขั้นพื้นฐานที่อยู่ในราคาที่จับต้องได้

ขณะนี้สหรัฐประสบปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูง และขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก ทำให้บางบริษัทไม่สามารถหาพนักงานได้เพียงพอ ถึงแม้จะเพิ่มขึ้นค่าจ้างและสวัสดิการให้แล้ว

นอกจากนี้ยังมีรายงานจาก Restaurant Business ระบุว่าในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Red Lobster ปิดสาขาไปแล้ว 8 แห่งในสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ Red Lobster ในประเทศสหรัฐมีทั้งหมด 650 สาขา ถ้ารวมแคนาดาก็เป็น 700 สาขาในปี 2564 หลังจากนั้นเขาก็ปรับตัวเหมือนกับทุกที่ทั่วโลกที่ต้องขายออนไลน์ ดีลิเวอรี่ซื้อกลับไปทานที่บ้านให้มากยิ่งขึ้น

โดยทางฝ่ายนักวิเคราะห์ มองว่าหากขายจริงจะเป็นเพียงผลกระทบครั้งหนึ่ง แต่การขาย Red lobster เป็นบวกระยะยาว เพราะเป็นธุรกิจที่มีผลขาดทุนกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี จึงเป็น Upside มากกว่า Downside แนะนำสะสม

Back to top button