ESSO ไม่ปังดั่งคิดไว้.!
ผู้ถือหุ้น ESSO อุตส่าห์ตั้งหน้า..ถ่างตารอการประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 13 มี.ค. ว่าจะไฟเขียวทิ้งทวนปันผล “ก้อนหนัก" ก่อนเอ็กซอนโมบิลจะโบกมือลา
ผู้ถือหุ้นบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO อุตส่าห์ตั้งหน้า..ถ่างตารอการประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่าจะไฟเขียวทิ้งทวนปันผล “ก้อนหนัก” ก่อนเอ็กซอนโมบิลจะโบกมือลา….แล้วย้ายสำมะโนครัวไปเป็นลูกคนใหม่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP อย่างถาวร…
เพราะถ้าไปส่องสถานะการเงินของ ESSO ณ สิ้นปี 2565 ที่มีกำไรสะสมยังไม่ได้จัดสรรอยู่ที่ 4,145.46 ล้านบาท ซึ่งเมื่อบวกลบคูณหารกับจำนวนผู้ถือหุ้น 3.46 พันล้านหุ้น ก็น่าจะปันผลได้สูงถึง 1 บาทต่อหุ้น
หรือขี้เหร่สุด ๆ ก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 60 สตางค์ต่อหุ้นล่ะมั้ง..!!
ขณะที่ภาพจำเดิม ๆ ก็สูบไปเกือบหมด ไม่ว่าจะเป็นกรณีกลุ่ม Engie ขายหุ้นบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW ให้กับบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ก็มีการปันผลหนัก ๆ ออกไปก่อน หรือกรณีของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ที่ปันผลก้อนใหญ่ก่อนควบรวมกิจการกับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE
หรือแม้แต่บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ก่อนจะมีการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็มีการปันผลแบบจัดหนักจัดเต็ม สวนทางกับผลประกอบการที่ร่อแร่ในขณะนั้น…
จึงถูกมองกันว่า เอ็กซอนโมบิลก็น่าเดินตามรอยรีดก่อนจากเช่นกัน..!!
ทำให้มีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งเข้ามาซื้อหุ้น ESSO เพื่อหวังเงินปันผลก้อนโต…
แต่ที่ไหนได้ มติบอร์ดล่าสุดออกมาหงายเงิบกันเป็นแถว…เพราะเคาะจ่ายปันผลแค่ 30 สตางค์ต่อหุ้นเท่านั้น…โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 2 พ.ค.นี้
ทำเอาผู้ถือหุ้นเกิดอาการเซ็งเป็ดเข็ดขยาดไปตาม ๆ กัน..!!
สะท้อนได้จากราคาหุ้น ESSO ในกระดานวานนี้ (14 มี.ค.) ที่ถูกเทกระจาดตั้งแต่เช้าจรดเย็น จนราคาทรุดไป 6.08% ปิดตลาดที่ 8.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 537.02 ล้านบาท
ส่วนเบื้องลึกเบื้องหลังของการเคาะปันผลแค่ 30 สตางค์…ก็คงเกี่ยวโยงกับราคารับซื้อหุ้น ESSO ของบางจากนั่นแหละ เพราะเมื่อดูตัวเลขทางการเงินแล้ว เงินไม่ได้ถูก Drain ออกไปมากนัก ทำให้ราคารับซื้อน้ำหนักจะเป็น 9 บาทปลาย ๆ แต่หากปันผลที่ 1 บาท น้ำหนักจะเป็น 8 บาทต้น ๆ…แวลูก็จะลดลง
เลยเป็นที่มาทำให้ ESSO ปันผลไม่ปังดั่งที่คิด..!!
เอาหน่า…แม้งวดนี้ปันผลไม่ปัง แต่เมื่อรวมกับงวดครึ่งปีแรก 2565 ที่จ่ายไปแล้ว 50 สตางค์ รวมทั้งปีเป็น 80 สตางค์ คิดเป็นดิวิเดนด์ยีลด์อยู่ที่ 6.3% ก็ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร
ขณะที่ปี 2566 มีการประมาณการเงินปันผลของ ESSO จะอยู่ที่ 0.57 บาท คิดเป็นดิวิเดนด์ยีลด์ 6.3% และปี 2567 อยู่ที่ 0.51 บาท คิดเป็นดิวิเดนด์ยีลด์ 5.6%
นักวิเคราะห์จึงยังมีคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11.40 บาท
แต่ถ้าใครจะเห็นต่างจากนี้…ก็ไม่ว่ากัน
นานาจิตตัง…
…อิ อิ อิ…