IRPC ปันผลกำไรสุทธิ 50%
ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจกับคนที่ไม่มีหุ้นปิโตรเคมีอย่าง IRPC ในมือเพราะขึ้น XD ไปตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์แล้วครับ
ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจกับคนที่ไม่มีหุ้นปิโตรเคมีอย่าง IRPC ในมือเพราะขึ้น XD ไปตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์แล้วครับ
เพราะบริษัทได้เจียดเงินจากกำไรสะสมส่วนที่ยังไม่ได้จัดสรร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท (ซึ่งเป็นอัตราการจ่ายปันผลรวมตลอดทั้งปี 2565) หรือคิดเป็นเงินประมาณ 1,430 ล้านบาท โดยเมื่อหักกับเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 2565 ที่ได้จ่ายให้กับผู้ถือหุ้นแล้วเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 (ในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท เป็นเงินประมาณ 817 ล้านบาท)
รวมความแล้วทั้งปี จ่ายปันผลเป็นเงินสดประมาณหุ้นละ 0.34 บาทหรือคิดเป็นการจ่ายปันผลเทียบกับราคาซื้อขายล่าสุด 2.50 บาท แล้ว มีการจ่ายปันผลสูงถึง 12.5%
หากคิดเป็นสัดส่วนต่อกำไรสุทธิแล้ว จ่ายปันผลมากกว่ากำไรสุทธิต่อหุ้นละ 0.20 บาทถือว่าจ่ายปันผลสูงกว่ากำไรสุทธิ 160% ทีเดียวนะครับ เรียกว่าใจป้ำยิ่งกว่าใจป้ำแม้ว่าในทางปฏิบัติคนที่ได้รับประโยชน์สูงสุดคือ ปตท.ที่ถือครองหุ้นอยู่ 45% ก็ตาม
ว่ากันตามข้อเท็จจริงแล้วการจ่ายที่ IRPC มีกำไรได้และจ่ายปันผล น่าจะถือว่าเป็นความสามารถพิเศษท่ามกลางความเสี่ยงที่บริษัทเผชิญมาตลอดทั้งปีไม่ว่าจะเป็นจังหวะที่ตลาดกำลังหดตัว หรือแรงจากโควิด-19 โดยเฉพาะจากจีนมีกำลังซื้อสูงสุดของโลก สมทบด้วยสงครามรัสเซียยูเครนที่ทำลายบรรยากาศการค้าขายระหว่างประเทศ โชคดีที่ราคาขายของสินค้าปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบได้บ้าง ทำให้บริษัทรอดตัวมาได้ แม้กำลังการผลิตจะหดหายมากกว่ายามปกติก็ตาม
เรียกว่าปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นช่วงเวลาของความเสี่ยงที่ผ่านเลยไป แม้ว่าจะไม่สิ้นสุดแต่ก็หวังใจว่า กำไรสะสมที่มีมากกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท จะทำให้มั่นใจได้ว่า จะยังคงมีความสามารถจ่ายปันผลได้เพียงพอจากการผ่อนคลายของตลาดจีนที่คาดว่าจะฟื้นตัวกลับมา และราคาปิโตรเคมีที่น่าจะมีเสถียรภาพมากกว่าปีที่ผ่านมา
กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้บริษัทมีกำไรจากหนี้เงินกู้ที่มีอยู่ แม้ว่าจะไม่ใช่กำไรปกติ แต่เป็นแค่กำไรทางบัญชี แต่ก็ช่วยให้ฐานะการเงินทางบัญชีของบริษัทดูดีกว่าปกติ
ทั้งที่ส่วนต่างของกำไรขั้นต้นของบริษัทที่ลดฮวบฮาบในสินค้าทุกกลุ่มในปีที่ผ่านมา ทั้งกลุ่มน้ำมันหล่อลื่น รวมทั้งอื่น ๆ คือปัญหาในอดีตที่ผ่านเลยมาแล้ว ซึ่งไม่น่าจะเกิดซ้ำในปีนี้อีก น่าจะเป็นข่าวดีมากกว่าข่าวร้ายปีนี้ ซึ่งส่งสัญญาณบวกตั้งแต่ต้นปี น่าจะได้เวลาพลิกฟื้นของกำลังการผลิตโดยรวมของ IRPC ที่กดดันความสามารถในการทำกำไรมาตลอดทั้งปี 2565 และ น่าจะทำให้กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิดีขึ้น ส่งผลทางอ้อมต่อราคาหุ้นที่ถดถอยตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ให้สูงขึ้นได้
ความคาดหวังทางบวกเช่นว่านี้น่าจะเกิดขึ้นได้ ภายใต้เงื่อนไขที่กำลังการผลิตของบริษัทดีขึ้น ไม่ต้องใช้กำไรพิเศษและวิศวกรรมการเงินเข้ามาส่งเสริมแต่ถ้าทำไม่ได้ ราคาหุ้นที่ต่ำแถว 2.50 บาทน่าจะเป็นแนวต้านมากกว่าแนวรับที่ผ่านมา IRPC ซึ่งเคยผ่านประสบการณ์เจ็บปวดของกลุ่มเลี่ยวไพรัตน์ที่เป็นกลุ่มผู้ก่อตั้งในชื่อ TPI จนต้องให้ ปตท.เข้ามาโอบอุ้ม และเผชิญกับความขัดแย้งทางกฎหมายที่ยาวนานนับเวลาเกือบ 10 ปีกว่าจะยุติลงเอยได้ดี น่าจะไม่หวนกลับมาสู่วงจรอุบาทว์อีกครั้ง
การจ่ายปันผลที่มากกว่ากำไรสุทธิของ IRPC ที่เกิดขึ้นถือเป็นดีลพิเศษชั่วคราวหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นจนซ้ำซาก น่าจะลองซื้อเข้าพอร์ตลงทุนบ้างนะครับเผื่อเหลือปันใจให้กับหุ้นที่ราคาต่ำเกินจริงจนค่าพี/อีล่าสุดอยู่ที่ 0.64 เท่า