ผู้กองมาช่วย (กระทืบ)
หากตลาดหุ้นไทยยังล้อไปตามกระแสตลาดหุ้นต่างประเทศเหมือนที่ผ่านมา “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า เหตุการณ์โดนรุมกระทืบจากนักลงทุนสถาบันจะเกิดขึ้นอีกแน่นอน
หากตลาดหุ้นไทยยังล้อไปตามกระแสตลาดหุ้นต่างประเทศเหมือนที่ผ่านมา “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า เหตุการณ์โดนรุมกระทืบจากนักลงทุนสถาบันจะเกิดขึ้นอีกแน่นอน เพราะเม็ดเงินที่จะเข้ามาคานอำนาจกับพวกสถาบันมันน้อยมาก ๆ จึงต้องอาศัยกองทุนในประเทศเข้ามาค้ำยัน และในบางจังหวะก็เป็นคนดันตลาด ซึ่งเป็นภาพที่ดีมาก ๆ ในมุมของการเรียกความเชื่อมั่นพะย่ะค่ะ
ถึงกระนั้นก็ต้องเผื่อใจกับท่าทีของกองทุนไว้บ้าง เพราะที่ผ่านมาโดนผลกระทบจากการรีดีมเยอะพอสมควร ขณะเดียวกันเม็ดเงินก้อนใหม่ที่จะไหลเข้ากองทุนก็ลดลงเรื่อย ๆ หรือแม้กระทั่งแรงกดดันที่ทำให้กองทุนต้องเล่นสั้นเพื่อเซฟพอร์ตลงทุน ล้วนเป็นสถานการณ์ที่ทำให้ “โมนิก้า” ไม่มั่นใจว่า ผู้กองกระโดดลงมาช่วยเต็มตัว หรือกระโดดมาร่วมวงกระทืบกันแน่เจ้าคะ
ฉะนั้นการที่ดัชนีทำท่าเหมือนจะวิ่งทะลุแนวต้าน 1,600 จุด (เคยเม้าท์ให้แฟนคลับฟังว่า เป้าดังกล่าวรออยู่ข้างหน้า..จำได้บ่) เอาเข้าจริงจะเป็นเหมือนที่วาดฝันกันหรือเปล่า? เพราะการไต่เพดานขึ้นไปถึงระดับ 1,587.68 จุด แต่โดนกดลงมาจนเกือบจะพลิกลบ ก่อนจะตีตื้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,585.08 จุด บวกไป 7.90 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.10 หมื่นล้านบาท มันเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้รู้ว่า นักลงทุนไม่มั่นใจดัชนีจะฝ่าด่านนี้ขึ้นไปได้ จึงรินหุ้นออกมาเป็นระยะนะจะบอกให้
เหมือนกับการย่อตัวของหุ้น TRUE ลงมายืนปิดที่ระดับ 8.20 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1 พันล้านบาท ทั้งที่กำลังตั้งทรงขึ้นรอบใหม่อยู่แล้วเชียว! แต่สุดท้ายก็ต้องตกม้าตายด้วยการที่ “ไชน่าโมบาย” ยอมตัดขาดทุนด้วยการรินหุ้นออกมา 2.62% และเหลือหุ้นที่ถืออยู่อีกราว ๆ 7.80% มันคือสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่า ต้องการถอนตัวหรือเปล่า? ซึ่งทำให้นักเล่น “อกสั่นขวัญแขวน” ไปตามกันนะจ๊ะ
ส่วนรายที่เริ่มดูดีขึ้นวันแรก และกลายเป็นเป้าหลักของกองทุน “โมนิก้า” คงต้องมองไปที่หุ้น IVL เพื่อชี้ให้เห็นการเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 35 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 2.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 705 ล้านบาท ถือเป็นเกมหุ้นที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการตามน้ำ เพราะในมุมของแวลู ก็ทำให้หุ้นตัวนี้น่าเล่น แต่ถ้ามองในมุมของท่าทีสถาบัน ก็น่าหนักใจพอสมควร นักเล่นจึงต้องประเมินความเสี่ยงกันเอาเองนะคะ
ในเมื่อเม้าท์ถึงเรื่องความเสี่ยงของเกมหุ้นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ก็ต้องเอ่ยถึงสถานการณ์ของหุ้น SINGER เพื่อชี้ให้เห็นแรงขายที่ยังไม่สะเด็ดน้ำก็มาจากหลายประเด็นด้วยกัน และหนึ่งในเรื่องที่ยังคาใจนักเล่นก็หนีไม่พ้นท่าทีของ SABUY ยังจะใส่เกียร์เดินหน้า หรือเลือกที่จะถอนคันเร่ง หลังราคาหุ้นยืนหยุดนิ่งที่ระดับ 17.80 บาท ลบไป 1.10 บาท หรือลงไป 5.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.06 พันล้านบาทน่ะซี
อีกรายที่อยู่ในทิศทางย่อตัวชัดเจน และมีสิทธิ์ที่จะทำนิวโลว์อีกครั้ง “โมนิก้า” ขอชี้เป้าไปที่หุ้น GLOBAL เพื่อชี้ให้เห็นแรงขายเที่ยวนี้ยังไม่สะเด็ด จึงทำให้หุ้นทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 18.50 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 390 ล้านบาท กลายเป็นข้อมูลที่ขัดแย้งกับเรื่องที่พูดกันว่า เม็ดเงินในประเทศสะพัดขึ้นกว่าเมื่อก่อน เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นคิดให้ดีว่า ใครสาดหุ้นออกมาจ้า!
ตรงกันข้ามกับในรายของ BCPG อย่างสิ้นเชิง เพราะรายนี้น่าจะสอดแทรกขึ้นมาเป็นความหวังของหมู่บ้านได้ หลังราคาหุ้นบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 9.70 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 3.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 110 ล้านบาท โดยที่หุ้นยังเทรดบน PE 10 เท่าแบบนี้ “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยง เพราะทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจเปิดกว้างกว่าเดิม จึงน่าจะทำให้ผลงานในปี 66 น่าจะปีกว่าปี 65 เจ้าค่ะ
ตบท้ายกันที่เรื่องขำขันที่เกิดขึ้นกับหุ้นขายหมูขายไก่อย่าง BTG กันดีกว่า เพราะตั้งแต่เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้กรีนชู จนนำไปสู่คำนินทาที่ว่า เล่นไม่ซื่อ? ก็ทำให้ราคาหุ้นดำดิ่งลงลูกเดียว จนวานนี้หุ้นลงมากองอยู่ที่ระดับ 26.25 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 2.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 96 ล้านบาท ก็เกิดเสียงเม้าท์มอยเล่น ๆ ว่า นี่เป็นจังหวะของการเอาคืนเจ้าของอย่างสาสม จึงระดมชอร์ตหุ้นไม่ยั้งมือ (ไอพีโอ 40 บาท)..งานนี้จริงเท็จประการใด ก็ไปตามสืบกันเอาเอง เพราะเดี๊ยนก็ฟังคนข้างบ้านมาอีกทีนะคะ