รบ.เร่งควานหาตัวคนรับผิดชอบ เหตุสารซีเซียมหลุดที่ปราจีนฯ
"รัฐบาล" ยืนยัน ยังไม่พบซีเซียม-137 ที่อันตราย กระทบประชาชน ขณะเดียวกัน“นายก”สั่ง หาคนรับผิดชอบ เหตุสารหาย
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีที่สารซีเซียม-137 หลุดหายจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนของบริษัทแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี โดยระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ดังกล่าว และได้ประสานงานพร้อมกับติดตามข้อมูลต่างๆ อีกทั้งได้มอบหมาย นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (24 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
โดย นายกฯ ได้ให้ความสำคัญกับการสอบสวนเรื่องนี้ในทุกมิติ อาทิ วัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 สูญหายได้อย่างไร สถานที่ที่รับซื้อวัสดุดังกล่าว ตลอดจนต้องมีผู้รับผิดชอบต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสารกัมมันตรังสีด้วยหรือไม่ และประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นายกฯ จึงสั่งการให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงพื้นที่สอบสวนหาหลักฐาน เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ ขณะเดียวกันต้องมีมาตรการออกมารองรับ โดยเฉพาะในเรื่องสารกัมมันตรังสี อีกทั้งนายกฯ ให้ความสำคัญกับประสิ่งแวดล้อม จึงยกมาเป็นวาระแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ ขณะที่รัฐบาลจะนำข้อมูลและผลการประชุมมาเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบต่อไป
ด้าน นายรณรงค์ กล่าวว่า การประชุมร่วมกันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีขึ้นเพื่อประสานงานการปฏิบัติงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยตนได้รายงานในที่ประชุมว่าช่วง 2 – 3 วันที่ผ่านมา มีสิ่งที่เราเป็นห่วงมากที่สุดอันดับแรก คือเรื่องสุขภาพอนามัยของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานในโรงงานหลอมเหล็กที่มีประมาณ 70 คน โดยการตรวจครั้งแรกเป็นการตรวจภายในและนอกโรงงาน รวมถึงตรวจพนักงานแต่ละคนด้วย ก็ไม่พบว่ามีการปนเปื้อนสารดังกล่าว จากนั้นได้มีการตรวจครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นการตรวจภายในร่างกายของพนักงาน โดยตรวจเลือดและปัสสาวะ ผลออกมาเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ไม่พบว่ามีสารนี้ปนเปื้อนในร่างกาย จึงขอให้มั่นใจว่าร่างกายพนักงานของโรงงานแห่งนี้ทั้ง 70 คน ไม่พบสารดังกล่าว แต่ด้วยความเป็นห่วงประชาชนที่อยู่ข้างใกล้เคียงโรงงานว่าจะได้รับผลกระทบด้วยหรือไม่ เราจึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตระเวนออกตรวจสอบสถานที่ ดิน น้ำ อากาศ และสภาพแวดล้อมในพื้นที่ระยะวงรอบ 5 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตร โดยตรวจวัดหลายครั้งก็ไม่พบการปนเปื้อนสารดังกล่าว
ขณะที่ ปลัดกระทรวง อว.กล่าวว่า นายกฯ ให้บูรณาการข้อมูลเชิงวิชาการที่ถูกต้อง ซึ่งทางศูนย์ปฏิบัติการนิวเคลียร์เพื่อสันติ ที่มี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ เป็นประธาน ได้มีการประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวัน โดยนายกฯ ย้ำเรื่องความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานในโรงงานที่เกิดเหตุได้มีการตรวจร่างกายโดยละเอียดแล้ว ไม่พบการปนเปื้อนรังสีในพนักงานทุกราย ส่วนการตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะของพนักงาน ตรวจไปแล้วครึ่งหนึ่งพบว่ามีความปกติ และคาดว่าจะมีความปกติทั้งหมด
ขณะเดียวกันศูนย์ปฏิบัติส่วนหน้า ที่ตรวจสอบการปนเปื้อนในดิน น้ำ ที่เกี่ยวข้องในบริเวณรอบโรงงาน จำนวน 23 ถุง และมีการตรวจสอบสภาพอากาศรอบโรงงานรัศมี 3 – 15 กิโลเมตร อย่างต่อเนื่อง พบว่าระดับปริมาณรังสีอยู่ในระดับปกติทุกจุด ไม่พบว่ามีการปนเปื้อน ขณะที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติได้รายงานระดับรังสีแกมมาประจำวันที่จุดตรวจทั้ง 6 จุดทุกภาคในประเทศ พบว่าอยู่ในระดับปกติทุกจุด ซึ่งนายกฯได้สั่งการให้ทำการตรวจไปอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะเป็นปกติ นี่คือสถานการณ์ที่คณะผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการได้รายงาน แสดงข้อมูลตรงกันว่าบริเวณตรงกลางโรงงานที่ตรวจพบรังสี และรัศมีถัดออกไปไม่พบรังสี สุขภาพอนามัยของประชาชนทั้งบริเวณโรงงานและรอบๆมีสภาวะเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอว.ได้แจ้งโรงพยาบาลในสังกัดติดตามผู้ที่สงสัย หรือไม่สบายใจว่าจะได้รับสารรังสีหรือไม่ สามารถเข้าไปตรวจสอบในโรงพยาบาลได้ทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย