KJL วิ่ง 7% จับตาแผน 5 ปีดันรายได้โต 2 เท่า รุกขยายฐานผลิตแตะ 30 ล้านชิ้น
KJL บวกกว่า 7% จับตาแผน 5 ปี ดันรายได้โต 2 เท่าตัว หรือเฉลี่ยปีละ 10-15% พร้อมเดินหน้าขยายกำลังการผลิตเป็น 30 ล้านชิ้นภายในสิ้นปีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 มี.ค.66) ราคาหุ้นบริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL ณ เวลา 15:40 น. อยู่ที่ระดับ 14.60 บาท บวก 1 บาท หรือ 7.35% สูงสุดที่ระดับ 14.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 13.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 119 ล้านบาท
นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KJL กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายที่จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผน 5 ปี (ปี 2566-2570) โดยรายได้จะเติบโต 2 เท่าภายในปี 2570 หรือมีการเติบโตโดยเฉลี่ยประมาณ 10-15% ต่อปี รวมถึงตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้น ประมาณ 28-32% และอัตรากำไรสุทธิ ประมาณ 13-15% นอกจากนี้คาดว่าภายในปี 2568 จะขยายร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเป็น 1,200 ร้านค้า จากปี 2566 ที่คาดจะมี 800 ร้านค้าทั่วประเทศ
ด้านงบลงทุนในปี 2566 ตั้งไว้ประมาณ 250 ล้านบาท แบ่งเป็น ลงทุนอาคาร รวมถึงโครงการโซลาร์รูฟ ขนาดกำลังการผลิต 1 เมกะวัตต์ ที่ลงทุนแล้วคาดเสร็จในช่วงไตรมาส 2/2566 เป็นลงทุนรวมประมาณ 85 ล้านบาท, ลงทุนเครื่องจักรในการขยายกำลังการผลิตในโรงงานเฟส 2 ที่ขยายไปแล้ว ประมาณ 150 ล้านบาท จะช่วยเพิ่มสินค้าอีก 50% โดยกำลังการผลิตเพิ่มจาก 20 ล้านชิ้นเป็น 30 ล้านชิ้น, ลงทุนรถขนส่งสินค้า ประมาณ 3 ล้านบาท และลงทุนอุปกรณ์ต่าง ๆ ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ และระบบดิจิทัล รวมประมาณ 12 ล้านบาท
สำหรับโรงงาน KJL แบ่งเป็น 3 เฟส โดยเฟส 2 ได้ก่อสร้างเสร็จแล้ว ขนาด 2,000 ตารางเมตร ส่วนเครื่องจักรกำลังทยอยเข้ามาแล้ว ขณะที่เฟส 3 จะเป็น KJL Innovation Campus ขนาด 3,000 ตารางเมตร ที่จะก่อสร้างในปี 2566 และจะแล้วเสร็จในปี 2568
ทั้งนี้ กำลังการผลิตของบริษัท ปัจจุบันมี 20 ล้านชิ้นต่อปี มีอัตราการใช้เครื่องจักรประมาณ 77% และจะคงอัตราการใช้เครื่องจักรไว้ประมาณ 70-80% โดยจะขยายเป็น 30 ล้านชิ้นภายในปี 2566 ซึ่งในไตรมาส 1/2566 จะเพิ่มขึ้น 10% เป็น 22 ล้านชิ้น, ไตรมาส 2/2566 จะเพิ่มขึ้น 25% เป็น 25 ล้านชิ้น และ ภายในไตรมาส 4/2566 จะเพิ่มขึ้น 50% เป็น 30 ล้านชิ้น หรือเติบโต 1.5 เท่า อีกทั้งในไตรมาส 4/2568 จะเพิ่มเป็น 40 ล้านชิ้น ก็จะเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปัจจุบัน ซึ่งตลอด 3 ปีข้างหน้า จะเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว หรือเฉลี่ยปีละ 33%
ส่วนโครงการโซลาร์รูฟที่บริษัทกำลังดำเนินการก่อสร้าง จะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2566 ขนาดกำลังการผลิต 1 เมกะวัตต์ งบลงทุนประมาณ 25 ล้านบาท คาดจะคืนทุนภายในระยะเวลา 3.5-4 ปี ซึ่งในช่วงนี้ราคาค่าไฟฟ้าขึ้นแล้ว น่าจะส่งผลให้การคืนทุนเร็วขึ้น รวมถึงการลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพรินต์ ยังเป็นความยั่งยืนด้าน ESG ด้วยเช่นกัน
สำหรับ KJL Innovation Campus จะเริ่มก่อสร้างปี 2566 และจะแล้วเสร็จในปี 2568 เป็นการสร้าง New S-Curve รวมถึงมีการวิจัยและพัฒนา (R&D) และยังจะมีการ Workshop ร่วมกันกับลูกค้า คนรุ่นใหม่ ดีไซน์เนอร์ และเป็นศูนย์รวมงานโลหะที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ มาขับเคลื่อนองค์กรให้ดีขึ้น จะช่วยสร้างตลาดใหม่ ๆ อุตสาหกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมา นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะย้ายการซื้อขายจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ให้ได้ภายใน 5 ปี