SISB กำไรอยู่ในช่วงเติบโต

ทำไม SISB ถึงทำ All Time High ได้ เหตุผลน่าจะมาจากนักลงทุนขานรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่แนวโน้มกำไรน่าจะดีเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เคยทำมา


เส้นทางนักลงทุน

หุ้นบริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB สร้างปรากฏการณ์ทำจุดสูงสุดใหม่ (All Time High) สำหรับการซื้อขาย เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 29.25 บาท หลังจากเปิดตลาดทำการซื้อขายไปได้เพียง 11 นาที แม้ระหว่างวันราคาหุ้นจะแกว่งตัวลงไปต่ำสุด 26.50 บาท แต่สามารถดีดตัวแรงขึ้นมายืนปิดได้ถึง 29.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท หรือบวก 10.38% จากราคาปิดก่อนหน้า มีวอลุ่มเทรด 223.79 ล้านบาท

แต่ในวันถัดมา (28 มีนาคม 2566) ราคาหุ้นแกว่งตัวลง เคลื่อนไหวระหว่างวันสูงสุด 29.50 บาท ปิดต่ำสุด 28.75 บาท และปิดที่ 29 บาท ลดลง 0.25 บาท คิดเป็น 0.85% มูลค่าเทรดเบาบางลงมาก ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

ทำไมหุ้นโรงเรียนนานาชาติแห่งนี้ถึงทำ All Time High ได้ เหตุผลน่าจะมาจากนักลงทุนขานรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2566 ที่แนวโน้มกำไรสุทธิน่าจะดีเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เคยทำมา จากปัจจัยจำนวนนักเรียนรวมทั้งการปรับราคาค่าเทอมใหม่เพิ่มมากขึ้น

โดยผู้บริหาร SISB ยืนยันว่าจะเดินหน้าขยายสาขาเดิมและสาขาใหม่ ตั้งเป้าปี 2568 จะเพิ่มศักยภาพรองรับจำนวนนักเรียนทั้งหมดเป็น 8,000 คน จากปัจจุบันรองรับได้ 4,675 คน

แบ่งเป็นนักเรียนที่จะเพิ่มจากสาขาใหม่ ทั้งโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์นนทบุรี และโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ระยอง ที่จะเปิดให้บริการภายในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งทั้ง 2 แห่งจะสามารถรองรับจำนวนนักเรียนได้เพิ่มอีก 2,000 คน

และจากสาขาเดิม ซึ่งตามแผนแล้วภายในปี 2567-2568 SISB จะขยายจำนวนที่นั่งในโรงเรียนสาขาเดิม 3 แห่ง ได้แก่ สาขาธนบุรี, ประชาอุทิศ และเชียงใหม่ ซึ่งจะทำให้เพิ่มความสามารถรองรับนักเรียนได้อีก 1,300 คน

คงต้องยอมรับว่า SISB เป็นโรงเรียนนานาชาติที่ได้รับความสนใจจากนักเรียนทั้งในและต่างประเทศ จึงเป็นที่มาของจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ การกลับมาเปิดการเรียนการสอน และจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ ภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนอีกส่วนหนึ่ง เพราะทั้งนักเรียนไทยและต่างชาติได้กลับเข้ามาเรียนในโรงเรียนอีกครั้ง

เฉพาะในปี 2566 นี้ SISB ตั้งเป้าหมายจะมีจำนวนนักเรียนรวม 3,700 คน ด้วยตัวเลขนี้จะผลักดันให้รายได้รวมจะเติบโตขึ้นแตะระดับ 30% จากปีก่อนได้

ในปี 2565 ที่ผ่านมา SISB มีรายได้รวม 1,339.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.09% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 1,071.24 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 369.28 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 27.586% เพิ่มขึ้นเช่นกัน ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น แต่มีค่าใช้จ่ายคงที่ จึงเป็นผลดีต่อกำไร

แม้อยู่ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แต่ SISB ก็สามารถสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 2563-2564 มีกำไร 159.93 ล้านบาท และ 208.75 ล้านบาท ตามลำดับ

SISB คือโรงเรียนนานาชาติที่มีคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ และเป็นหนึ่งในโรงเรียนนานาชาติชั้นนำ เป็นโรงเรียนแรกในประเทศไทยที่ใช้หลักสูตรการศึกษาของสิงคโปร์อันมีชื่อเสียงในด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ภาษายังเป็นหนึ่งในจุดแข็งของ SISB โดยนักเรียนจะเรียนเป็นภาษาอังกฤษ จีน และไทย

บรรดานักวิเคราะห์ต่างแห่ปรับทาร์เก็ตราคาหุ้นขึ้นตอบรับปัจจัยบวก โดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี พัฒนสิน มีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อย (Slightly positive) ต่อโอกาสปรับเพิ่มเป้าหมายจำนวนนักเรียนระยะยาวปี 2566-2568 ให้สอดคล้องกับการขยายจำนวนที่นั่ง (Capacity) ซึ่งจะเป็นอัพไซด์ (upside) ต่อประมาณการกำไรสุทธิ ใช้สมมติฐานจำนวนนักเรียนต่อปีที่ 3,700 คน, 4,200 คน และ 4,600 คน ตามลำดับ หรือนักเรียนเพิ่มขึ้นทุก 1% จะเป็น upside ต่อกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1-2% มีผลบวกต่อราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นราว 2%

แนวโน้มไตรมาส 1 ปี 2566 คาดกำไรสุทธิเติบโตสูงกว่าทั้งงวดปีก่อนและเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ตามการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมการศึกษาจากจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น คำแนะนำ “เป็นกลาง” ให้ราคาเป้าหมาย 22.70 บาท

ขณะที่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เห็นว่า SISB จะมีการเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดี ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-2568 อีก 11%, 11% และ 18% ตามลำดับ รับจำนวนนักเรียนและค่าบำรุงการศึกษาที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นคาดกำไรสุทธิจะเติบโต 64%, 26% และ 20% ในช่วง 3 ปีดังกล่าว คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 23% ต่อปี ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ปรับเป้าหมายใหม่เป็น 30 บาท จาก 24 บาท

การเป็นโรงเรียนนานาชาติที่มีคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ ส่งผลให้กำไรของ SISB อยู่ในช่วงของการเติบโต ประเมินตัวเลขคร่าว ๆ ก็ไม่น่าจะน้อยกว่า 2 หลักต่อปีทีเดียว

Back to top button